สิงคโปร์กำลังเป็นประเทศที่คนทำงานมีการปรับใช้ AI รวดเร็วที่สุดในโลก คำกล่าวดังกล่าวมาจากการเปิดเผยสถิติครั้งล่าสุดของแพลตฟอร์มด้านการทำงาน LinkedIn ที่พบว่า ผู้ใช้งานจากประเทศสิงคโปร์มีการเพิ่มข้อมูลว่าตนเองมีความสามารถด้าน AI ลงไปในโปรไฟล์สูงที่สุดจากบรรดา 25 ประเทศที่ LinkedIn เก็บข้อมูล โดยถือเป็นตัวเลขที่เติบโตขึ้น 20 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2016 อีกทั้งยังเติบโตเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 8 เท่า
นอกจากสิงคโปร์แล้ว อีก 4 ประเทศที่ติด 5 อันดับแรกก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยประกอบด้วย ฟินแลนด์ (เติบโต 16 เท่า) ไอร์แลนด์ (15 เท่า) อินเดีย (14 เท่า) และแคนาดา (13 เท่า)
Pooja Chhabria ผู้เชี่ยวชาญจาก LinkedIn ด้านการทำงานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์รวมคนทำงานที่มีทักษะด้าน AI มาจากความก้าวหน้าด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาที่แข็งแกร่ง และการที่มีนักลงทุนจำนวนมากเข้ามารวมตัวกัน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก LinkedIn บอกด้วยว่า สตาร์ทอัพ และภาคธุรกิจในสิงคโปร์มีการปรับใช้ AI มาสักระยะแล้ว (หลายปีก่อนหน้านี้) และความพยายามดังกล่าวได้กลายเป็นจุดแข็งของสิงคโปร์ในที่สุด
AI กระทบงาน 300 ล้านตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี ข้อมูลของ Goldman Sachs ระบุว่า จะมีตำแหน่งงาน 300 ตำแหน่งทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากการมาถึงของ AI และระบบออโตเมชั่น ซึ่งตำแหน่งงานในมุมของ Goldman Sachs เป็นตำแหน่งงานในกลุ่มงานธุรการ หรืองานในสำนักงาน
ขณะที่ข้อมูลจาก LinkedIn เผยว่า ยังมีอีกหลายอาชีพที่ Generative AI อาจเข้าไปมีบทบาทมากขึ้น เช่น ครู
โดย Gen AI สามารถเข้าไปช่วยได้ในหลายรูปแบบ เช่น การวางแผนการสอน, การออกแบบหลักสูตร และการทบทวนความรู้หลังเรียน
สอดคล้องกับสิ่งที่มีการเปิดเผยในงานสัมมนา Discovering the Generative AI Ecosystem ของ True IDC ที่ ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ Principal Research Engineer และหัวหน้าฝ่าย AI Research จาก KBTG Labs กล่าวถึงการนำ Gen AI มาเป็นผู้ช่วยสอน และสามารถปรับแต่งได้ตามความสนใจของผู้เรียน โดยอาจเป็นคาแรคเตอร์ดังที่ทำให้ผู้เรียนจดจ่อกับเนื้อหาการสอนได้มากขึ้น หรือการใช้ Gen AI เพื่อให้เด็ก ๆ ให้รู้สึกสบายใจก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก็มีเช่นกัน
Gen AI ช่วยงานใครได้บ้าง
ทั้งนี้ ในมุมของการปรับใช้ Gen AI กับโลกของการทำงาน ทาง LinkedIn เผยด้วยว่ามี 6 อาชีพที่ Gen AI สามารถเข้าไปช่วยงานได้สูงสุด ประกอบด้วย
- วิศวกรซอฟต์แวร์ 96%
- พนักงานดูแลลูกค้า 76%
- แคชเชียร์ 59%
- พนักงานขาย 59%
- คุณครู 45%
- ผู้จัดการจัดอีเวนท์ 39%
จุดที่น่าสังเกตคือ วิศวกรซอฟต์แวร์ ที่ Gen AI สามารถเข้าไปช่วยงานได้มากถึง 96% ซึ่งเท่ากับว่า ตำแหน่งงานดังกล่าวอาจใช้ความสามารถของมนุษย์เพียง 4% เท่านั้น
ส่วนอาชีพที่ Gen AI ยังอาจเข้าไปช่วยได้ยากก็มีเช่นกัน โดยทาง LinkedIn พบว่าประกอบด้วยอาชีพต่าง ๆ ดังนี้
- พนักงานในแท่นขุดเจาะน้ำมัน (1%)
- ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านสิ่งแวดล้อม (3%)
- พยาบาล (6%)
- แพทย์ (7%)
ที่มา Brand Buffet