กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้วิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจเชิงลึก เพื่อเฟ้นหาธุรกิจดาวเด่น 5 ธุรกิจ และธุรกิจที่เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย 3 ธุรกิจ ในปี 2566 โดยมีผลสรุปดังนี้
ธุรกิจที่มีความโดดเด่น และมาแรง 5 ธุรกิจ ประกอบด้วย
1. กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว (เติบโต 64%) ได้แก่ ธุรกิจจัดนำเที่ยว ตัวแทนธุรกิจการเดินทาง โรงแรม รีสอร์ท ห้องชุด สปา และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
2. กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (เติบโต 36%) ได้แก่ ธุรกิจกิจกรรมของตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
3. กลุ่มธุรกิจสมุนไพร (เติบโต 33%) ได้แก่ การปลูกพืชประเภทเครื่องเทศ เครื่องหอม ยารักษาโรค พืชทางเภสัชภัณฑ์ และการผลิตผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ที่ใช้รักษาโรค
4. กลุ่มธุรกิจการติดตั้งไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (เติบโต 25%) ได้แก่ ธุรกิจการติดตั้งไฟฟ้า การผลิต ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ การขายส่งอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์
5. กลุ่มธุรกิจ e-Commerce หรือธุรกิจการค้าปลีกสินค้าออนไลน์ (เติบโต 19%)
ธุรกิจที่เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย
1. กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก และเคมีภัณฑ์ (ลดลง 30%) ได้แก่ ธุรกิจการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก การผลิต ปุ๋ยเคมีและการผลิตเคมีภัณฑ์อนินทรีย์ขั้นมูลฐาน
2. กลุ่มธุรกิจขายปลีกสินค้าในร้านค้า หรือธุรกิจการค้าปลีกช่องทางออฟไลน์ (ลดลง 12%)
3. กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงสันดาป (ลดลง 5%) ได้แก่ ธุรกิจการขายปลีกเชื้อเพลิงยานยนต์ในสถานี หรือสถานีบริการน้ำมัน การขายส่งเชื้อเพลิงแข็ง/เหลว และการทำเหมืองแร่ เหมืองแร่อโลหะ และเหมืองหิน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ธุรกิจดาวเด่นที่มาแรงส่วนใหญ่ จะสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ และของโลก โดยเฉพาะธุรกิจที่เคยประสบปัญหาช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้กลับมาฟื้นตัวจนมีความโดดเด่นอีกครั้ง
ขณะที่ ธุรกิจที่เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย จะสอดคล้องกับกระแสธุรกิจรักษ์โลก และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยมีผลจากเทคโนโลยีดิจิทัล บริการ รูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบ และเปลี่ยนแปลงมูลค่าบริการ และสินค้าที่มีอยู่ของอุตสาหกรรมเดิม (Digital Disruption)
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์