อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปี 2566 มีผ่านมามีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 รวมเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 127,532 ล้านบาท โดยมีทั้งหมด 667 ราย แบ่งเป็น
- การลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 228 ราย
- การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 439 ราย
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยในปี 2566 อยู่ที่ 667 ราย เพิ่มขึ้น 84 ราย คิดเป็น 14% จากปี 2565 ที่อนุญาต 583 ราย ในด้านมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 127,532 ล้านบาทลดลง 1% จากปี 2565 ที่มียอดรวมในระดับ 128,774 ล้านบาท แต่มีการจ้างงานคนไทยอยู่ที่ 6,845 คน เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2565 ที่จ้างงานราว 5,253 คน
ที่มา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 ธุรกิจต่างชาติในไทยมีการจ้างงานคนไทยรวม 6,845 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่
- ญี่ปุ่น จำนวน 137 ราย คิดเป็น 20.5% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทยในปี 2566 มีเงินลงทุน 32,148 ล้านบาท เข้ามาลงทุนในธุรกิจ เช่น ธุรกิจบริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย, โครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซ (เป็นคู่สัญญากับภาคเอกชน), ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค, ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า ฯลฯ
- สิงคโปร์ จำนวน 102 ราย คิดเป็น 15.3% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทยในปี 2566 มีเงินลงทุน 25,405 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจ เช่น ธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต / ประกันวินาศภัย, ธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์ม
- สหรัฐอเมริกา จำนวน 101 ราย คิดเป็น 15.1% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในปี 2566 มีเงินลงทุน 4,291 ล้านบาท เข้ามาลงทุนในธุรกิจ เช่น ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม, ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (อาหารเสริม / ยา/ อุปกรณ์กีฬา), ธุรกิจบริการออกแบบและพัฒนา ติดตั้ง วางระบบเกี่ยวกับ Software และ Application, ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการงานด้านต่างๆ
- จีน จำนวน 59 ราย คิดเป็น 8.9% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทยในปี 2566 มีเงินลงทุน 16,059 ล้านบาท เข้ามาลงทุนในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการก่อสร้าง รวมทั้งติดตั้งและทดสอบเกี่ยวกับการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติ, ธุรกิจบริการบำรุงรักษาหลุมขุดเจาะปิโตรเลียมบนชายฝั่ง, ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า, ธุรกิจ e-Commerce โดยเป็นการให้บริการแพลตฟอร์มกลางสำหรับซื้อ-ขายสินค้า
- ฮ่องกง จำนวน 34 ราย คิดเป็น 5.1% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทยในปี 2566 มีเงินลงทุน 17,325 ล้านบาท เข้ามาลงทุนในธุรกิจ เช่น ธุรกิจบริการบำรุงรักษา และซ่อมแซมรถยนต์ไฟฟ้า, ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า, ธุรกิจบริการสินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายสินค้าที่เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย, ธุรกิจบริการจองบัตรโดยสารสายการบินผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ขณะที่การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ปี 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 134 ราย คิดเป็น 20% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2565 ด้านมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC ปีนี้อยู่ที่ 38,613 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แบ่งเป็นนักลงทุนจาก
- ญี่ปุ่น 44 ราย ลงทุน 7,053 ล้านบาท
- จีน 30 ราย ลงทุน 4,128 ล้านบาท
- ฮ่องกง 10 ราย ลงทุน 14,573 ล้านบาท
- ประเทศอื่นๆ 50 ราย ลงทุน 12,859 ล้านบาท
โดยเข้ามาลงทุนในหลากหลายธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการจัดหา ติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซม บำรุงรักษา และฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบการทำงานต่างๆ ที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม ด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์/ ชิ้นส่วนโลหะ และชิ้นส่วนพลาสติก/ ชิ้นส่วนยานพาหนะ)
- ธุรกิจบริการปรับปรุง ซ่อมแซม REFRIGERATION AIR DRYER AIR FILTER
ทั้งนี้ เฉพาะเดือน ธ.ค. 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 55 ราย คิดเป็นเงินลงทุนมูลค่ารวม 29,244 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ มีการจ้างงานคนไทย 759 คน
ที่มา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์