ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค. เพิ่มขึ้น 6 เดือนติด สูงสุดในรอบ 47 เดือน

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนม.ค.67 อยู่ที่ระดับ 62.9 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 47 เดือนนับตั้งแต่ มี.ค.63

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 56.9 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ 59.5 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 72.2 ซึ่งดัชนีทุกตัวปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.66 และปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 เช่นกัน

ปัจจัยบวกสำคัญที่มีผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ได้แก่

1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 จากภาครัฐ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน เช่น Easy E-Receipt ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาหักลดหย่อนภาษี

2. มาตรการช่วยเหลือประชาชนด้านค่าครองชีพ เช่น ลดค่าไฟฟ้า ลดราคาเบนซิน และตรึงราคาดีเซล

3. มาตรการฟรีวีซ่ากับนักท่องเที่ยวบางประเทศ เช่น จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน และขยายเวลาพำนักในไทยเพิ่ม

4. นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนมากขึ้น กิจกรรมเศรษฐกิจในภูมิภาคปรับตัวดีขึ้น

5. พืชผลเกษตรเกือบทุกรายการ ราคาปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนกำลังซื้อในต่างจังหวัด

6. ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศอยู่ในระดับที่ทรงตัว

7. การส่งออกของไทยเดือนธ.ค.66 ขยายตัว 4.65%

ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยลบที่สำคัญ เช่น

1. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 ลงเหลือโต 1.8% ส่วนปี 67 คาดโต 2.8%

2. ผู้บริโภคยังกังวลว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้า รายได้ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ

3. ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ เช่น ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาพลังงานโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น

4. ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตัวสูงขึ้น

5. เงินบาทปรับตัวอ่อนค่า สะท้อนการไหลออกสุทธิของเงินตราต่างประเทศ

6. ความกังวลต่อภาวะภัยแล้ง และสถานการณ์เอลนิโญ ที่จะมีผลต่อการใช้น้ำภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการบริโภค

7. ความกังวลต่อปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์