ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่า มูลค่าการส่งออกไทยจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในปี 2567 จากแรงสนับสนุนหลายด้าน ได้แก่ 1. ปริมาณการค้าโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ที่แม้จะชะลอลงบ้างแต่จะยังขยายตัวได้ใกล้เคียงปีก่อน 2. ภาคการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าระหว่างประเทศ จะกลับมามีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกมากขึ้นในปีนี้ 3. ราคาสินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง เช่น ราคาสินค้าเกษตร ตามปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่ลดลงจากภัยแล้ง และนโยบายควบคุมการส่งออกสินค้าในบางประเทศ
ทั้งนี้ อัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้า (ในรูป %YOY) จะมีแนวโน้มลดลงในช่วงที่เหลือของปีตามปัจจัยฐาน โดยเฉพาะในเดือน มี.ค.ที่อาจติดลบสูง เนื่องจากไทยส่งออกทองคำในเดือน มี.ค.66 มากถึง 1,568.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงสำคัญหลายประการ เช่น ปัญหาการขนส่งในทะเลแดง และคลองปานามา, การแบ่งขั้วของห่วงโซ่อุปทานโลก, การนำมาตรการภาษีนำเข้า และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการกีดกันทางการค้ามาใช้มากขึ้น และการฟื้นตัวของความต้องการนำเข้าสินค้าของประเทศผู้นำเข้าที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
SCB EIC ระบุว่า เหตุการณ์โจมตีเรือขนส่งสินค้าของกบฏฮูตีในบริเวณทะเลแดง (คลองสุเอซ) และภัยแล้งในคลองปานามา ซึ่งเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าทางเรือที่สำคัญของโลก ส่งผลให้ค่าระวางเรือ และระยะเวลาขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา
โดยค่าระวางเรือในการขนส่งระหว่างไทยไปยังยุโรป เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็น 4,900 ดอลลาร์สหรัฐ ณ 17 ก.พ.67 (เพิ่มเป็น 4 เท่าของเดือน พ.ย.66) ขณะที่ค่าระวางเรือในการขนส่งระหว่างไทยไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นถึง 7,200 ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็น 3 เท่าของเดือน พ.ย.66) สร้างความกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยไปในช่วงต้นปี 67 โดยเฉพาะการส่งออกไปยุโรป เนื่องจากต้องพึ่งพาการเดินเรือผ่านคลองสุเอซ
ล่าสุด ความกังวลในสถานการณ์ดังกล่าวปรับลดลง สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกของไทยในเดือน ม.ค.67 ที่ออกมา ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากนักจากเหตุการณ์ทั้งสอง โดยยังสามารถขยายตัวได้มากถึง 10%YOY (หักทอง 8.5%YOY) แม้จะค่อนข้างทรงตัวจากเดือนก่อน อีกทั้งการส่งออกไปตลาดยุโรป สามารถขยายตัวได้ชัดเจนที่ 4.8%
นอกจากนี้ ค่าระวางเรือยังเริ่มปรับลดลงจากจุดสูงสุดในช่วงก่อนเหลือ 3,900 และ 6,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ลดลง 3 และ 2.5 เท่าของเดือน พ.ย.66) ในเส้นทางระหว่างไทย-ยุโรปและไทย-สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี SCB EIC ยังจับตาประเด็นดังกล่าวนี้ เนื่องจากหากปัญหาลุกลามเป็นวงกว้างและยืดเยื้อ อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยเพิ่มเติมได้
ทั้งนี้ SCB EIC อยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์ และประมาณการมูลค่าการส่งออกสินค้า (ระบบดุลการชำระเงิน) ของไทยปี 2567 ใหม่ และจะเผยแพร่บทวิเคราะห์ดังกล่าวในเดือน มี.ค.นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์