นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า เนื่องจากทุเรียนเป็นไม้ผลทางเศรษฐกิจ ดังนั้นการรักษาคุณภาพมาตรฐานจึงเป็นเรื่องสำคัญ และ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจสอบก่อนส่งออกโดยจะลงพื้นที่ติดตามในพื้นที่ จ.จันทบุรี ในวันที่ 27 เม.ย.นี้
สำหรับสถานการณ์ทุเรียนโดยปกติแล้วจะออกสู่ตลาดพร้อมกัน และมากที่สุดในช่วงเดือน เม.ย. ของทุกปี แต่เนื่องจากภาวะโลกร้อน ได้ส่งผลกระทบต่อการติดดอกออกผลของทุเรียนในปี 2567 การติดดอกล่าช้า ทำให้ผลผลิตเลื่อนออกสู่พร้อมกันจำนวนมากเป็นเดือนพ.ค.
ดังนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเตรียมรับมือและแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพ คือมาตรการตรวจก่อนตัด เพื่อควบคุมและป้องกันไม่ให้มีทุเรียนอ่อนออกสู่ตลาด
ทั้งนี้ได้กำหนดระดับความอ่อนแก่ของทุเรียน ด้วยวิธีการตรวจสอบเปอร์เซ็นต์น้ำหนักเนื้อแห้งของทุเรียน สอดคล้องตามค่ามาตรฐานสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) จากการดำเนินการตลอดเดือน เม.ย. พบว่า วิธีการดังกล่าวได้รับความสนใจจากเกษตรกรมาก ล่าสุดได้นำทุเรียนมาตรวจ 8,400 ตัวอย่าง ไม่ผ่านการตรวจสอบร้อยละ 23
สำหรับทุเรียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว จะรับใบรับรองว่าผ่านการตรวจสอบพร้อมกับให้เกษตรกรสลักหลัง ระบุวันเก็บเก็บเกี่ยว รายชื่อผู้สั่งซื้อการส่งมอบ และทะเบียนรถขนส่ง เพื่อนำใบรับรองนี้ใช้แนบกับใบรับรองการเพาะปลูกที่ดีและเหมาะสม หรือ GAP ของกรมวิชาการเกษตร วิธีการนี้จะสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรมากยิ่งขึ้นว่าจะผ่านการตรวจสอบการผลิตที่ดี (GAP) 100 %
ราคาที่เกษตรกรจำหน่ายทุเรียน ณ หน้าสวน ( วันที่ 24 เม.ย. ) อยู่ที่กิโลกรัมละ 211 บาท ถือว่าเป็นระดับที่สูงและทำกำไรให้กับเกษตรกรได้ดี คุ้มค่ากับการลงทุน แม้ผลผลิตทุเรียนจะล่าช้าไป 1 เดือน แต่ มีข้อดีที่เป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อนคือ การติดดอกที่กระจายตัว ทำให้ปีนี้ทุเรียนจะออกสู่ตลาดหลายรุ่น ได้ราคาดี ในขณะที่ผลผลิตปีนี้มีน้อยกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 5 พันตัน
ที่มา TNN