เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 — ดร. ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ และประธานคณะผู้บริหาร ยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมแสดงความคิดเห็นบนเวที Decarbonize Thailand Symposium 2024: Path to Net Zero Collaboration ในหัวข้อ Decarbonization 101 Deep Dive: Exploring Cutting-Edge Strategies for a Sustainable Future สร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรขนาดใหญ่และสตาร์ทอัพ เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย ร่วมกับผู้นำองค์กรด้านความยั่งยืนในระดับเทศ ได้แก่ คุณสมบูรณ์ เลิศสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Altervim, คุณประดิษฐ์ มหาศักดิศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝายพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจเกิดใหม่ เด็นโซ่ อินเตอร์เนชันแนล เอเชีย คุณสาโรช เรืองสกุลราช ผู้จัดการอาวุโส แผนกบริหารและการจัดการพลังงาน Delta Electronics Thailand และ ดร.วโรดม คําแผ่นชัย กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตังบริษัท AltoTech Global ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค
ดร. ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ และประธานคณะผู้บริหาร ยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ฉายภาพความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงของโลกในปี 2024-2030 ทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ การปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ราคาค่าไฟฟ้า ราคาคาร์บอนเครดิต พฤติกรรมคนรุ่นใหม่และผู้บริโภค ความผลิกผันของเทคโนโลยี โมเดลธุรกิจใหม่ โดย ดร.ธีระพล เน้นย้ำว่า วิกฤติเรื่องความแปรปรวนทางสภาพอากาศเป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน และเราควรมองให้เป็นเรื่องความท้าทาย ที่หากเราปรับตัวได้ก่อนก็สามารถเป็นผู้กำหนดสร้างข้อตกลงต่าง ๆ ได้ก่อน เรื่องของพลังงานสะอาดจะเป็นตัวชี้วัดถึงความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจเองจึงต้องปรับตัวนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานไปพร้อมกับพันธมิตรและผู้มีส่วนได้เสีย ไม่เพียงเท่านั้น ความยั่งยืนยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจเลือกทำงานของคนรุ่นใหม่ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ยั่งยืนที่จะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสให้เกิดผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพที่มาพร้อมโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ
และเพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนและสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้เกิดเป็นรูปธรรม ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ และประธานคณะผู้บริหาร ยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ชู 3 Big Goals สู่ความยั่งยืน ที่มีจุดตั้งต้นจากเป้าหมายความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ Heart — ด้านสังคม Health — ด้านเศรษฐกิจ และ Home — ด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้หยิบยก 3 เป้าหมายหลักที่มีความท้าทายสูงและเร่งด่วน ดังนี้
- ด้านพลังงาน เป้าหมายองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 โดยเป็นการดำเนินการทั้ง Scope 1-3 มุ่งเน้นในเรื่องการส่งเสริมความรู้และสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกรตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียทั้งห่วงโซคุณค่า ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้าไปใช้ มีระบบตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องสายพันธุ์พืชดูดคาร์บอน เพื่อสามารถทำคาร์บอนเครดิตได้
- ด้านการลดขยะ เป้าหมายองค์กรที่มีของเสียสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี 2030 โดยไม่ได้มุ่งเน้นแค่เรื่องของพลาสติก แต่ยังรวมถึงขยะอาหาร และขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะต้องสร้างนวัตกรรมการรีไซเคิลเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
- ด้านการศึกษา ส่งเสริมการพัฒนาระบบการศึกษาให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ พร้อมผลักดันเรื่องความยั่งยืนให้อยู่ในหลักสูตรเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม และเกิดเป็นสังคมการเรียนรู้ที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ ดร.ธีระพล ได้ชี้ให้เห็นถึงโอกาสของสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการว่า ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ทั้งโลกให้ความสำคัญ ทุกภาคส่วนต้องผนึกกำลังกันเพื่อพิชิตเป้าหมายความยั่งยืน สตาร์ทอัพจะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังมีงานอีกมากที่รอคนเก่งมาช่วยคิดและลงมือทำ นับเป็นยุคทองของสตาร์ทอัพไทยที่มองเห็นโอกาส
นอกจากนี้ ภายในงานยังมี คุณสมบูรณ์ เลิศสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Altervim บริษัทด้านพลังงานสะอาดในเครือเจริญโภคภัณฑ์ร่วมเวทีด้วย คุณสมบูรณ์ได้กล่าวเสริมถึงสตาร์ทอัพไทยในวันนี้ต้องคิดถึงเรื่องของการแก้ปัญหาในสังคมวงกว้าง มากกว่าการพิชิตเป้าหมายส่วนตัวหรือผู้ลงทุน และควรลงไปแก้ปัญหาในภาคของสังคมชุมชนด้วย เพราะเรื่องของความยั่งยืนเป็นเป้าหมายใหญ่ และหากเราทำได้ในประเทศไทยก็สามารถนำโมเดลนี้ไปใช้ได้ทุกที่ทั่วโลก
Decarbonize Thailand Symposium 2024: Path to Net Zero Collaboration เวทีสัมมนาแห่งปีที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ด้วยความร่วมมือของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค และ นิวเอนเนอร์จี้ เน็กซัส (ประเทศไทย) ร่วมกับ เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย, บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น, มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) และอีกหลากหลายพันธมิตร ตั้งเป้าหมายในการขยายความร่วมมือในมิติต่างๆ ที่จะเร่งกระตุ้นการปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างความตื่นตัวขององค์กรธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้พร้อมรับมือกับความท้าทายจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เพื่อโลกที่ยั่งยืน