ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนเม.ย.67 อยู่ที่ระดับ 62.1 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ระดับ 56.0, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 58.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 71.5
สำหรับเหตุผลที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนเม.ย. ปรับลดลง เนื่องจากผู้บริโภคเห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพสูง นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.50%, ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวสูงขึ้น, การส่งออกเดือนมี.ค.67 กลับมาติดลบอีกครั้งในรอบ 8 เดือนที่ -10.87%
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ ลงเหลือ 2.4% จากเดิมคาด 2.8% รวมทั้งผู้บริโภคยังกังวลต่อปัจจัยเสถียรภาพทางการเมือง ภายหลังมีรัฐมนตรียื่นลาออกหลังการปรับ ครม.
“แม้เดือนเม.ย.จะเป็นช่วงการจัดงานสงกรานต์คึกคัก แต่ก็ไม่สามารถกระตุกสถานการณ์เศรษฐกิจขึ้นได้มาก การจับจ่ายซื้อสินค้าถูกกลบด้วยต้นทุนค่าครองชีพที่สูงขึ้น หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล รวมถึงปัจจัยเรื่องเสถียรภาพการเมือง หลังนายปานปรีย์ ยื่นลาออกทุกตำแหน่งใน ครม. ขณะเดียวกัน ประชาชนยังมองว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า และฟื้นตัวไม่ทั่วถึง” นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์