นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการนำส่งงบการเงินประจำปี 2566 กรมฯ ได้นำข้อมูลผลประกอบการของนิติบุคคลมาวิเคราะห์ ในเชิงธุรกิจพบว่า รายได้ของนิติบุคคลทั่วประเทศมีจำนวนกว่า 57.86 ล้านล้านบาท และมีผลกำไรกว่า 2.34 ล้านล้านบาท
โดยกลุ่มภาคการผลิต สามารถทำรายได้สูงสุดจำนวน 23.72 ล้านล้านบาท คิดเป็น 41.00% ของรายได้ทั้งหมด เป็นผลกำไรจำนวน 1.10 ล้านล้านบาท คิดเป็น 47.03% ของกำไรสุทธิทั้งหมด
รองลงมา คือกลุ่มภาคขายส่ง/ปลีก ทำรายได้ 23.32 ล้านล้านบาท คิดเป็น 40.30% ของรายได้ทั้งหมด ทำกำไรอยู่ที่ 0.46 ล้านล้านบาท คิดเป็น 19.57% ของกำไรสุทธิทั้งหมด และกลุ่มภาคบริการ ทำรายได้จำนวน 10.82 ล้านล้านบาท คิดเป็น 18.70% ของรายได้ทั้งหมด เป็นผลกำไรจำนวน 0.78 ล้านล้านบาท คิดเป็น 33.40% ของกำไรสุทธิทั้งหมด
พร้อมกันนี้ กรมฯ ยังได้วิเคราะห์ต่อเนื่องลงลึกไปถึงรายธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ดังนี้
1) ธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโรงกลั่นปิโตรเลียม ทำรายได้ 3.84 ล้านล้านบาท
2) ธุรกิจขายส่งนาฬิกาและเครื่องประดับ ทำรายได้ 3.12 ล้านล้านบาท
3) ธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องประดับ ทำรายได้ 2.39 ล้านล้านบาท
4) ธุรกิจผลิตรถยนต์ส่วนบุคคล ทำรายได้ 1.56 ล้านล้านบาท
5) ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับยานยนต์ ทำรายได้ 1.55 ล้านล้านบาท
6) ธุรกิจขายยานยนต์ใหม่ชนิดรถนั่งส่วนบุคคล ทำรายได้ 1.45 ล้านล้านบาท
7) ธนาคารพาณิชย์ ทำรายได้ 1.11 ล้านล้านบาท
8) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำรายได้ 1.07 ล้านล้านบาท
9) ธุรกิจขายปลีกเชื้อเพลิงยานยนต์ ในร้านเฉพาะสถานีบริการน้ำมัน ทำรายได้ 1.02 ล้านล้านบาท
10) ธุรกิจขายส่งเชื้อเพลิงเหลว ทำรายได้ 0.96 ล้านล้านบาท
ธุรกิจทั้ง 10 อันดับดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดไซส์ L ที่สามารถทำรายได้สูงสุดในธุรกิจแต่ละประเภท
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์