ดีเบต ทรัมป์ VS ไบเดน : สรุปประเด็นสำคัญและผลสำรวจความเห็นผู้ชม / เวียดนามโตทะลุเป้า GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 6%

ทันทุกข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจการลงทุน กับ CP Business Watch
สำนักเศรษฐกิจและการลงทุนของเครือฯ (Economic and Investment Center) ขอนำเสนอ ข่าว บทความ และบทวิเคราะห์เชิงลึกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริหารและพนักงานในเครือฯ เพื่อเสริมการตัดสินใจด้านธุรกิจและการลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และการลงทุน เพื่อใช้ประกอบการวางแผนกลยุทธ

เศรษฐกิจสหรัฐฯ

ดีเบต ทรัมป์ VS ไบเดน : สรุปประเด็นสำคัญและผลสำรวจความเห็นผู้ชม

  • วันที่ 27 มิถุนายน 2024 เวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา Joe Biden กับ Donald Trump ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจ ขึ้นเวทีดีเบตนัดแรกเป็นเวลา 90 นาที จัดโดย CNN
  • เศรษฐกิจสหรัฐ ไบเดนโทษไปที่ทรัมป์ว่า “เราต้องมาดูกันว่าผมเหลืออะไรอยู่บ้างเมื่อได้เป็นประธานาธิบดี และคุณทรัมป์ทิ้งอะไรไว้บ้าง เรามีเศรษฐกิจที่ตกต่ำ โรคระบาดที่ได้รับการจัดการอย่างแย่ ๆ มีคนจำนวนมากเสียชีวิต เศรษฐกิจตกต่ำ ไม่มีงานทำ อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 15% มันแย่มาก สิ่งที่เราต้องทำคือพยายามกอบกู้สิ่งต่าง ๆ กลับมาอีกครั้ง” ฝั่งทรัมป์โต้ว่า “เรามีเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศของเรา เราไม่เคยทำได้ดีขนาดนี้มาก่อน ทุกคนต่างก็ประหลาดใจกับมัน ประเทศอื่นกำลังลอกเลียนแบบเรา เราเจอโควิด เราใช้เงินด้วยความจำเป็นเพื่อที่เราจะไม่ลงเอยด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ อย่างเช่นที่ประสบในปี 1929 เมื่อเราสิ้นสุดวาระ เราทำงานได้ดีมาก เราได้รับเครดิตมากมายสำหรับเรื่องเศรษฐกิจ การไม่มีสงคราม และอื่น ๆ อีกมากมาย”
  • ขึ้นภาษีนำเข้า ทรัมป์ตอบว่า “ภาษีจะไม่ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น แต่จะทำให้เกิดผลเสียต่อประเทศ ที่โกงเรามานานหลายปี เช่น จีน และอีกหลายประเทศ ซึ่งก็ยุติธรรมกับจีนอยู่แล้ว ภาษีจะบังคับให้พวกเขาจ่ายเงินให้เราเป็นจำนวนมาก ลดการขาดดุลของเราลงอย่างมาก และทำให้เรามีอำนาจในการทำอย่างอื่นมากขึ้น” ด้านไบเดนตำหนิทรัมป์เรื่องนโยบายภาษีของเขา โดยบอกว่านโยบายนี้ทำให้คนรวยได้ลดหย่อนภาษี และทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ที่สามารถนำไปใช้ปรับปรุงระบบโครงการความปลอดภัยทางสังคม (Safety Net)
  • ชายแดนและผู้ย้ายถิ่นฐาน ทรัมป์ไม่ได้ตอบคำถามโดยตรงว่าการปราบปรามผู้อพยพอย่างรุนแรงที่เขาสัญญาไว้จะเกี่ยวข้องกับการเนรเทศผู้ที่อยู่ในสหรัฐมานานหลายทศวรรษ ผู้ที่มีงานทำ และผู้ที่มีคู่สมรสเป็นพลเมืองสหรัฐหรือไม่ แต่เขากลับมุ่งโจมตีไบเดน โดยอ้างว่าไบเดนต้องรับผิดชอบในอาชญากรรมที่กระทำโดยผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารอนุญาตอย่างถูกต้องนับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ด้านไบเดนซึ่งพยายามเน้นย้ำว่าการข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมายลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ และเพิ่งออกกฎหมายป้องกันพรมแดนอย่างเข้มงวดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้โต้กลับว่า “ทุกสิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นเรื่องโกหก”
  • สงครามยูเครน ทรัมป์กล่าวอ้างว่าเขาสามารถแก้ปัญหาการรุกรานยูเครนของรัสเซียได้ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี หากเขาชนะการเลือกตั้ง ด้านไบเดนตอบโต้คำกล่าวของทรัมป์สำหรับกรณียูเครนว่า ทรัมป์ต้องการดึงสหรัฐออกจากNATO และจุดชนวนให้เกิดสงครามที่กว้างขวางขึ้นในยุโรป
  • ผู้สังเกตการณ์การดีเบตล่าสุด 57% ระบุว่าพวกเขาไม่มีความเชื่อมั่นในความสามารถของ ไบเดนในการเป็นผู้นำประเทศ และ 44% กล่าวว่าพวกเขาไม่มีความเชื่อมั่นในความสามารถของทรัมป์ ตัวเลขเหล่านี้ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงจากการสำรวจก่อนการดีเบต ซึ่งผู้ลงคะแนน 55% กล่าวว่าพวกเขาไม่มีความเชื่อมั่นในตัวไบเดน และ 47% กล่าวว่าพวกเขาขาดความเชื่อมั่นในตัวทรัมป์ (ประชาชาติธุรกิจ)

เศรษฐกิจเวียดนาม

เวียดนามโตทะลุเป้า GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 6%

  • รายงานสำนักงานสถิติแห่งประเทศ เวียดนาม เผยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 6.93% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และโตมากกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ที่ 5.66% ซึ่งเป็นการเติบโตที่ทะลุเป้าหมายของไตรมาสล่าสุดที่วางไว้ 6%
  • ปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวทางธุรกิจ ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น
  • ภาคส่วนธุรกิจที่ทำผลงานได้ดีที่สุดคือ ฝั่งการผลิตที่โตได้อย่างแข็งแรง โดยข้อมูลสำนักงานฯ เผยว่า ผลผลิตเพิ่มขึ้น 8.67% ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว
  • เวียดนามยังสามารถรักษาระดับการเติบโตของภาคส่งออกได้ดีต่อเนื่องจนโต 12.5% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยมีสินค้าหลักอย่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอาหารทะเลที่เป็นตัวหลักของสินค้าส่งออก
  • ด้าน IMF มองว่า ความเสี่ยงขาลงตอนนี้มีสูง เพราะเวียดนามพึ่งพาภาคส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่หากสงครามการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจยกระดับความรุนแรงขึ้น เม็ดเงินจากการส่งออกที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศได้ก็มีแนวโน้มจะลดลง (เดอะสแตนดาร์ด)