24 ตุลาคม 2567 – มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท จัดประชุมสามัญประจำปีบริหาร 2567 โดย พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท คุณสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะรองประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วย ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ คุณอดิเรก ศรีประทักษ์ รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ คุณณรงค์ เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ และผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวม 23 ท่าน ณ ห้องบอร์ดรูม ชั้น 34 อาคารทรู ทาวเวอร์ ถนนรัชดาภิเษก
คุณจอมกิตติ ศิริกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เปิดเผยว่า การประชุมสามัญประจำปีบริหาร 2567 ได้เน้นย้ำถึงบทบาทหลักที่สำคัญของมูลนิธิฯ ในการร่วมพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ยึดมั่นในพันธกิจที่มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ โดยต้องเกิดจากการลงทุนในคุณภาพชีวิต อาทิ โครงสร้างพื้นฐานการสร้างรายได้ การพัฒนาทักษะความรู้ การเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเท่าเทียม เเละส่งเสริมอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของโลกปัจจุบัน ที่ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในทุกมิติจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคน
ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ทศวรรษ มูลนิธิฯ ได้ดำเนินงานตามพันธกิจ 4 ด้าน ด้านสนับสนุนสืบสานและต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อันเป็นการน้อมนำแนวพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ ได้ให้การสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมทั้งสิ้น 10 โครงการ เพื่อพัฒนาอาชีพ ส่งเสริมรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนการศึกษาของเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร
ด้านพัฒนาเด็กและเยาวชน เพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพ และเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต มูลนิธิฯ ได้ดำเนินโครงการต่างๆ อาทิ โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน เพื่อส่งเสริมภาวะโภชนาการที่ดี โดยในปีบริหาร 2566 ได้ขยายผลโครงกา`รเพิ่มจำนวนโรงเรียนในพื้นที่ชนบทห่างไกล โครงการสนับสนุนทุนการศึกษานักเรียนในพระราชานุเคราะห์ เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ได้ขยายโครงการไปยังพื้นที่ ตชด.ภาค 3 (เหนือ), โครงการครอบครัวอุปการะในชุมชนวัฒนธรรม จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้เด็กกำพร้าได้เติบโตในครอบครัวทดแทนที่ให้ความรักความอบอุ่น และโครงการพัฒนาอาชีพด้านการบริบาล เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและอาชีพทางเลือกที่มีความมั่นคงและยั่งยืนให้แก่เยาวชนคนรุ่นใหม่
ด้านพัฒนาอาชีพเกษตรกร มูลนิธิฯ ได้ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพของเกษตรกรไทย สร้างรายได้ ลดต้นทุน และยกระดับคุณภาพชีวิต ผ่านการดำเนินโครงการเกษตรผสมผสานตามแนวพระราชดำริ จ.บุรีรัมย์ โดยมุ่งเน้นพัฒนาแหล่งน้ำ ส่งเสริมการผลิตแบบพึ่งพาตนเอง และสร้างอาชีพทางเลือก โดยในปีบริหาร 2566 ได้ดำเนินการสนับสนุนด้านพัฒนาแหล่งน้ำ ด้านพัฒนาศักยภาพเกษตรกร และด้านพัฒนาต่อยอดกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้ชุมชนเกิดการพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้หมุนเวียนตลอดปี
ด้านปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สร้างสมดุลของระบบนิเวศทั้งทางบกและทางทะเล มูลนิธิฯ ได้ดำเนินโครงการทะเลสาบสงขลายั่งยืน เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูทะเลสาบสงขลา ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ จ.สงขลา จ.พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช อีกทั้งยังขับเคลื่อนโครงการอมก๋อยโมเดล จ.เชียงใหม่ เพื่ออนุรักษ์ ปกป้อง และฟื้นฟู พันธุ์สัตว์ป่าหายาก ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนบนพื้นที่สูง ให้คนอาศัยร่วมกันกับป่าได้อย่างสมดุล
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้สร้างคุณค่าและประโยชน์แก่กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ เกษตรกร และประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมกว่า 72,000 คน
ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันแล้ว 959 โรงเรียน มีเด็กและเยาวชนได้รับคุณค่าทางโภชนาการกว่า 170,000 คน และผลิตไข่ไก่เพื่อบริโภคแล้วจำนวน 26 ล้านฟองต่อปี
มูลนิธิฯ ได้มอบทุนการศึกษา เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาลดความเหลื่อมล้ำ ให้กับเด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบาง จำนวน 915 ทุน และได้ส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและชาวประมงผู้ด้อยโอกาส จำนวน 2,678 คน
นอกจากนี้ด้านการปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม มูลนิธิฯ ได้ร่วมปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ร่วมกับชุมชนแล้วกว่า 426,400 ต้น และได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายในการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพแล้วกว่า 60 ล้านตัว เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรสัตว์น้ำทางทะเลให้มีความหลากหลายและสร้างความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงการเข้าไปปลูกฝังจิตสำนึกให้กับเด็กและเยาวชน ประชาชน เล็งเห็นถึงความสำคัญในการปกป้องฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
มูลนิธิฯ ยังคงมุ่งขับเคลื่อนดำเนินงานมุ่งสู่ทศวรรษที่ 4 ตามเจตนารมณ์และวิสัยทัศน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยตลอดระยะเวลาดำเนินงานได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (CPG), บริษัท เจียไต๋ จำกัด , บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ( CPF), บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) Makro Lotus’s และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างคุณค่าและประโยชน์แก่สังคม ตอบแทนคุณแผ่นดิน พร้อมร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความยั่งยืนสืบไป