เครือซีพี ร่วมแสดงความยินดีกับวิสาหกิจชุมชน “น้ำพางโมเดล” บทพิสูจน์ความสำเร็จ ฟื้นฟูระบบนิเวศน์ ด้วย “กาแฟสร้างป่า” การันตีคุณภาพรางวัลสุดยอดกาเเฟไทย 2024

เมื่อเร็วๆนี้ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรตำบลน้ำพาง อ.แม่จริม จ.น่าน ภายใต้ “น้ำพางโมเดล” ได้รับรางวัลการประกวดสุดยอดกาแฟไทย 2024 ในงาน TCE THAILAND BEST COFFEE จนสามารถคว้ารางวัลที่ 3 ในประเภทกาแฟโรบัสต้า และได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี จากการสนับสนุนของเครือซีพี และกลุ่มธุรกิจอย่างบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด {มหาชน} หรือ CPALL ในการผลักดันอาชีพปลูกกาแฟ องค์ความรู้ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ – ปลายน้ำ เพื่อให้ได้กาแฟที่มีคุณภาพ จนประสบความสำเร็จอีกขั้นในการประกวดครั้งนี้ โดยก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ {CP} ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ใน จ.น่าน เพื่อร่วมขับเคลื่อนการฟื้นฟูป่าควบคู่กับการ สร้างงานสร้างอาชีพ ให้คนกับป่าอยู่ด้วยกันได้อย่างสมดุลในหลายพื้นที่ หนึ่งในโครงการที่สำคัญคือ โครงการ “น้ำพางโมเดล” อ.แม่จริม จ.น่าน ในการยกระดับอาชีพ โดยคำนึงถึงรายได้ คุณภาพชีวิต ไปพร้อมกับฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นกลุ่มวิสาหกิจที่เข้มแข็ง

นายปวรวิช คำหอม ผู้จัดการน้ำพางโมเดล อ.แม่จริม จ.น่าน เปิดเผยว่า รู้ดีใจมากที่สุดกับความสำเร็จในครั้งนี้ กับ Fine Robusta Rank 3 TCE2024 Cupping Score 84.06 ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสได้รับรางวัล และได้รับถ้วยพระราชทาน จากการเริ่มต้นพัฒนามาเพียง 3 ปี ซึ่งตอนแรกมีความคาดหวังเพียงให้ยกระดับคุณภาพของกาแฟน้ำพางให้เป็นกาแฟพิเศษเท่านั้น โดยจุดเด่นของกาแฟน้ำพางเริ่มจากเมล็ดกาแฟปลูกในพื้นที่ต้นน้ำที่ยังมีความสมบูรณ์ ส่งผลให้มีรสชาติที่มีเอกลักษณ์ เปรี้ยวออกหวานของโรบัสต้าและมีความหอมของใกล้เคียงกับอราบิก้า เป้าหมายต่อไปมี 2 เรื่อง คือ 1 การได้รับรางวัลจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ แรงจูงใจให้พี่น้องเกษตรกร ต.น้ำพาง หันมาสนใจการปลูกกาแฟให้มากขึ้น เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวให้กับป่าต้นน้ำน่าน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของระบบนิเวศน์ โดยปัจจุบันปลูกกาแฟประมาณ 20 ไร่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวไปแล้วประมาณ 4,500 ไร่ ดูแลป่าชุมชนอีกประมาณ 10,000 ไร่ และเป้าหมายที่ 2 เราอยากพัฒนาคุณภาพของเมล็ดกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำให้ดีขึ้น เป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มกาฟ และอยากสัมผัสรางวัลอันดับ 1 สักครั้งเพื่อให้กาแฟน้ำพางเป็นที่รู้จักในนามกาแฟพิเศษน่าน

ทางด้าน คุณฤทธิชัย เจริญสุข ผู้จัดการฝ่าย ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของ “น้ำพางโมเดล” เกิดขึ้นจากมีการเรียกร้องสิทธิที่ดินทำกิน เป้าหมายการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน โดยบูรณาการทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม ประชาชน และ ภาคเอกชน รวมถึงเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยตั้งแต่ปี 2558 มีนโยบายลงพื้นที่เข้าไปให้ความรู้ ทำประชาคม เพื่อส่งเสริมอาชีพต่างๆ ให้แก่เกษตรกรในชุมชนให้มีความเหมาะสม ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกกาแฟ ปลูกไม้ผล ปลูกมะม่วงหิมพานต์ รวมถึงการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่ย้อนกลับไป 3 ปีที่แล้ว เกิดปัญหากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในพื้นที่ต.น้ำพาง เนื่องจากพ่อค้าคนกลางไม่มารับชื้อผลผลิต ทำให้เกษตรกรเลิกปลูกกาแฟไป ขณะนั่น วิสาหกิจชุมชนเข้ามาแก้ปัญหาโดยการเปิดการรับชื้อกาแฟ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในชุมชน และนำมาแปรรูปจำหน่ายในรูปแบบกาแฟคั่ว ด้วยเหตุที่อยากให้เกษตรกรในชุมชนหันกลับมาปลูกกาแฟเพิ่มขึ้น ลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรป่าโดยรอบชุมชนให้กลับมามีสีเขียวอีกครั้ง

ต่อมา เครือซีพี ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจในเครือ บมจ.ซีพี ออลล์ {CP ALL} และโรงคั่วกาแฟ น.น่าน เข้ามาร่วมเสริมความรู้การแปรรูปกาแฟโรบัสต้าน้ำพางให้มีคุณภาพเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าให้เป็น FINE ROBUSTA เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับกาแฟน้ำพาง จนสามารถส่งเข้าประกวดและได้รับอันดับ 3 เวที TCE THAILAND BEST COFFEE ซึ่งกาแฟโรบัสต้าน้ำพางจะมีความโดดเด่นด้านรสชาติหวานคาราเมลซีอคโกเลต อมหวานแบบผลไม้ตะกูลเบอรี่ ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของ “น้ำพางโมเดล” ในอาชีพกาแฟสร้างป่าสร้างรายได้ เชื่อมโยงคนและป่าให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน