คุณวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด เปิดเผยผลประกอบการบริษัทปี 2562 แตะ 2 หมื่นล้านบาท เติบโต 11% ส่วนปี 2563 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 12% แม้ยอมรับว่า 2 เดือนแรกได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ทำให้ยอดขายลดลงในพื้นที่รับนักท่องเที่ยว ส่วนมาตรการงดแจกถุงมีผลกับยอดขายบ้างแต่ไม่เป็นปัจจัยสำคัญ โดยรวมยังเชื่อมั่นว่าตลอดปีจะทำได้ตามเป้า
ปีนี้ซีพีแรมยังคงมุ่งเป้าอาหารพร้อมทานกลุ่มอาหารสุขภาพและอาหารเฉพาะทาง (กลุ่มอาหารเฉพาะทาง เช่น อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน) จากเทรนด์ผู้บริโภคนิยมอาหารกลุ่มนี้มากขึ้น เช่น อาหารโซเดียมต่ำ อาหารแคลอรีต่ำ อาหารที่มีวัตถุดิบครบ 5 หมู่ โดยปัจจุบันอาหารหมวดนี้คิดเป็น 20-30% ของรายได้รวม
“ซีพีแรมเติบโตมากกว่าปีละ 10% ต่อเนื่องหลายปี เพราะสังคมเมืองขยายตัว คนรุ่นใหม่ไม่นิยมทำอาหารเอง” วิเศษกล่าว “ส่วนปีนี้จะเข้มข้นขึ้นในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ ตลาดค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเราเริ่มจับทางได้ว่าลูกค้าชอบอะไร เช่น กลุ่มอาหารโซเดียมต่ำ อาหารที่มีผักเป็นที่นิยมขึ้นกว่าเดิม ลูกค้าคนรุ่นใหม่ไม่ปฏิเสธผักเหมือนสมัยก่อน”
ในแต่ละปี ซีพีแรมจะมีอาหารและเบเกอรี่วางจำหน่ายประมาณ 900 SKUs และมีผลิตภัณฑ์ออกใหม่ปีละกว่า 350 SKUs หมุนเวียนแทนที่สินค้าที่เริ่มได้รับความนิยมน้อยลง โดยมีสัดส่วนแบ่งตามจำนวน SKUs เป็นอาหารพร้อมทาน 78% และเบเกอรี่ 22%
ด้านงบวิจัยและพัฒนา (R&D) ยังวางที่ 1% ของยอดขายเช่นเดิม โดยกลุ่ม plant-based food หรืออาหารที่ทำจากพืช เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีการวิจัยพัฒนาต่อเนื่อง ที่ผ่านมาซีพีแรมเคยทดลองสินค้าที่เป็นเนื้อไก่ทำจากพืช แต่พบว่าไม่ได้รับความนิยมมากนัก และซัพพลายเชนยังไม่พร้อมเพราะต้องนำเข้าวัตถุดิบผลิตจากต่างประเทศ
“พฤติกรรมผู้บริโภคไทยต่อ plant-based food จะต่างจากเมืองนอก เราค่อนข้างยอมรับได้ถ้าจะใช้วัตถุดิบอื่นแทนเนื้อสัตว์ เช่น เต้าหู้ เห็ด ขอเพียงรสชาติอาหารอร่อยและหน้าตาน่าทาน ไม่เหมือนต่างชาติที่ต้องการให้อาหารมังสวิรัติยังคงเหมือนทานเนื้อสัตว์จริง จึงต้องพัฒนาให้โปรตีนจากพืชมีรสสัมผัสเหมือนเนื้อ” คุณวิเศษกล่าว
อย่างไรก็ตาม ซีพีแรมยังมีการวิจัยต่อเนื่อง พร้อมตอบรับกระแสหากมีความต้องการ plant-based food เพิ่มขึ้นในอนาคต
Cr:Positioning