น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านบริการวิชาการสุกร บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในภาวะปกติบริษัทฯ มีมาตรการเฝ้าระวังโรคในสัตว์และมาตรการสุขอนามัยของบุคลากรที่เคร่งครัดทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำตามมาตรฐานสากล และในช่วงที่มีโรคระบาดบริษัทฯ ยังได้ประกาศมาตรการเสริมและแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันสัตว์ทั้งโรคระบาด อหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF (ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็นโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์) และโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ไม่มีรายงานการติดโรค ASF ในสุกร ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะเริ่มผ่อนคลายและไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมากกว่า 1 เดือนแล้วก็ตาม แต่บริษัทฯ ยังคงใช้มาตรการป้องกันสูงสุดอย่างเคร่งครัด
สำหรับมาตรการเสริมเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับพนักงานเลี้ยงสุกรในฟาร์มที่ซีพีเอฟยังปฎิบัติอย่างเคร่งครัดในสถานประกอบการและฟาร์มเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ คือ
1.การคัดกรอง เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานทุกคน ทุกวันก่อนเข้าปฏิบัติงาน หากมีอาการไอ มีน้ำมูก หายใจลำบากและเจ็บคอ ให้หยุดงานแม้ไม่มีไข้
2.การเว้นระยะทางสังคม (Social Distancing) เช่น การเว้นระยะห่าง 2 เมตร งดการเยี่ยมชมฟาร์ม ลดความหนาแน่นโดยการเหลื่อมเวลาทำงาน งดเดินทางเข้าพื้นที่เสี่ยง และการทำงานที่บ้าน (Work From Home)
3.สุขอนามัยส่วนบุคคล การสวมหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกัน หมั่นล้างมือ 4.การขนส่งปลอดภัย มีการตรวจอุณหภูมิร่างกายก่อนปฏิบัติงาน สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือก่อนและหลังการจัดส่ง และจัดส่งแบบไม่สัมผัส เป็นต้น
ปัจจุบัน ซีพีเอฟ ยังมีมาตรการเข้มงวดในการป้องกันโรคระบาด ASF ในสุกร สำหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของบริษัทฯ และเกษตรกรในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ของบริษัท ด้วยการห้ามบุคคลภายนอกเข้าฟาร์ม ต้องรู้แหล่งที่มาของสุกร งดให้อาหารสุกรด้วยเศษอาหารจากคน เตรียมแผนฉุกเฉินกรณีกรณีเกิดการระบาด ตามมาตรฐานขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) เข้มงวดสุขอนามัยส่วนบุคคลทั้งก่อนและหลังเข้าฟาร์ม ตลอดจนพาหนะ เป็นต้น
ทั้งนี้จากมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังโรคระบาดสูงสุดทั้งโรคในสุกรและพนักงานที่ซีพีเอฟ ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้การป้องกันโรคของบริษัทฯ มีประสิทธิภาพสูงและไม่มีรายงานสัตว์ติดโรคทั้ง ASF ในสุกรและโควิด-19 ในพนักงานฟาร์ม รวมทั้งไม่เกิดโรคอื่น ๆ ช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดี และก่อให้เกิดวิถีใหม่ (new normal) ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างทางสังคม
“ซีพีเอฟ มีการดำเนินการป้องกันโรคตามมาตรฐานสากล และมีการประยุกต์ใช้มาตรการต่างๆ อย่างเหมาะสม รวมถึงการอบรมบุคลากรให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานตลอดเวลา เพื่อสนับสนุนการผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิตทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ และยังได้ร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรค ASF ในสุกร ในพื้นที่เสี่ยงของประเทศไทย โดยมีเกษตรกรรายย่อยที่ผ่านการอบรมแล้ว 450 ราย ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างเกราะป้องกันประเทศไทยจากโรคระบาดสัตว์” น.สพ.ดำเนิน กล่าว
ที่มา:ฐานเศรษฐกิจ-