ตามที่สถานการณ์การขาดแคลนหน้ากากอนามัยได้คลี่คลายลงแล้ว โดยคาดว่าสิ้นเดือนกรกฎาคม 2563 จะมีกำลังผลิตรวมจากทุกโรงงานในประเทศไทย เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน นอกจากนี้ประชาชนได้หันมาใช้หน้ากากอนามัยชนิดผ้ามากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้หน้ากากอนามัยเพียงพอต่อบุคลากรทางการแพทย์ โดยเวลานี้โรงพยาบาลต่างๆ มีหน้ากากอนามัยสต๊อกไว้ใช้นานถึง 2 เดือนแล้ว ขณะที่ทางโรงงานของซีพีได้ผลิตหน้ากากออกมาสำหรับแจกจ่ายฟรีแก่โรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์อีกทางหนึ่งด้วย
สถานการณ์ขณะนี้ถือว่าคลี่คลายไปมาก คาดว่าใน 1-2 เดือนจากนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้หน้ากากอนามัยที่ผลิตในไทยปัจจุบันได้กระจายไป 3 แหล่ง คือกระทรวงสาธารณสุข 1.8 ล้านชิ้นต่อวัน กระทรวงมหาดไทยรวมถึงโรงเรียนรวม 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน ยังมีส่วนต่างของกำลังผลิตเหลืออยู่ ทำให้สามารถกระจายเข้าสู่ร้านขายยา และองค์กรต่าง ๆ ที่ต้องการและขอเข้ามามากขึ้น
ขณะเดียวกัน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยฟรี ที่ได้จากโรงงานหน้ากากซีพี ไปแล้วกว่า 8 ล้านชิ้น แก่โรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล ทั่วประเทศ รวมถึงองค์กรมูลนิธิเพื่อสาธารณประโยชน์ ต่าง ๆ รวม 1,021 แห่ง ซึ่งเมื่อสถานการณ์การขาดแคลนหน้ากากอนามัยคลี่คลาย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จึงได้ออกหนังสือถึง โรงงานหน้ากากอนามัยซีพี ให้เริ่มจัดสรรหน้ากากอนามัย ในการจำหน่ายในราคาย่อมเยา เพื่อการเข้าถึงของประชาชน โดยนำกำไรทั้งหมด บริจาคให้กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ทั้งนี้ ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์ขาดแคลนหน้ากากอนามัยเริ่มคลี่คลาย บุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลมีหน้ากากอนามัยสำหรับใช้และมีสำรองไว้เพื่อใช้ในการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเพียงพอ ในการนี้จึงจะเริ่มดำเนินการจำหน่ายหน้ากากอนามัยบางส่วน ในราคาที่เป็นธรรม ตามขั้นตอน ระเบียบของกรมการค้าภายใน เพื่อนำกำไรทั้งหมดบริจาคเข้าสู่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือโควิด-19 ได้เป็นที่น่าพอใจ ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้มีอาการป่วยไข้หวัด ไอ จาม ไม่ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ไม่ได้ดูแลผู้ป่วยหรือผู้เสี่ยงสัมผัสโรคโควิด-19 สามารถป้องกันตนเองโดยการสวมใส่หน้ากากอนามัยแบบผ้าได้ โดยขอให้สวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ และขอให้ปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคอย่างเข้มข้นต่อไปด้วยการล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือใช้แอลกอฮอล์เจล ก่อนกินอาหาร หลังขับถ่ายและหลังสัมผัสสิ่งสัมผัสร่วมหรือของใช้สาธารณะที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น กินอาหารที่ปรุงสุกร้อนใหม่ ๆ มีคุณค่าทางโภชนาการ กินอาหารจานเดียว หลีกเลี่ยงอาหารร่วมสำรับแต่หากจำเป็นก็ใช้ช้อนกลางส่วนตัวในการกินอาหารร่วมกับผู้อื่น ดูแลร่างกายให้แข็งแรง นอนหลับให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด คนรวมตัวกันหนาแน่น งดกิจกรรมการรวมตัวกัน งดออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น
ที่มา:INNNEWS