15 ธันวาคม 2564 – ท่ามกลางความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม แต่ละประเทศต่างมุ่งสู่เป้าหมายการสร้างสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลที่ครอบคลุมในทุกมิติ ประเทศไทยเองก็มีเป้าหมายในการมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของภูมิภาค แต่แน่นอนว่าการจะไปถึงเป้าประสงค์ได้นั้นจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของหลายภาคส่วน เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล พัฒนาบุคลากร และยิ่งไปกว่านั้นคือการสร้างระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์และเอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม
คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อระดับโลกอย่าง CNN เกี่ยวกับบทบาทของเครือฯ ในการร่วมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของภูมิภาค ผ่านการสร้างระบบนิเวศน์ที่ช่วยหนุนสตาร์ทอัพไทย ว่า “ที่ True Digital Park เป็นที่ที่ช่วยบ่มเพาะสตาร์ทอัพ เรามีหน่วยงานภาครัฐ บริษัทร่วมทุน พันธมิตรทางเทคโนโลยีที่หลากหลาย รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่ และการเข้าถึงระบบนิเวศของบริษัทขนาดใหญ่ สำหรับทรูนั้นเป็นผู้เล่นในด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม และเร็วๆนี้เราเปลี่ยนตัวเองไปสู่การเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี ดังนั้นเราไม่เพียงแต่ต้องดูเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะพัฒนา คือการต้องจับมือกับสตาร์ทอัพ ซึ่งเราไม่ได้เพียงทำสิ่งนี้เพื่อเครือฯ แต่เราเชื่อว่าดิจิทัล พาร์ค หรือ คลัสเตอร์นวัตกรรม สามารถช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีได้ เรามีส่วนในการผลักดันตรงนั้นด้วยเช่นกัน”
ริชาร์ด เควสท์ (Richard Quest) นักข่าวธุรกิจระดับแนวหน้าของ CNN พิธีกรรายการ Quest Means Business ที่ผ่านการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงและบุคคลสำคัญระดับโลกมาแล้วมากมาย เป็นผู้สัมภาษณ์คุณศุภชัยในครั้งนี้ได้ถามต่อว่า “ตรงนี้คุณมีบริษัทเทคโนโลยี ภาคการศึกษา ภาคการเงิน สตาร์ทอัพ มีหน่วยงานภาครัฐ บางบริษัทในนี้อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ คุณเตรียมพร้อมไว้สำหรับจุดนั้นหรือเปล่า?”
คุณศุภชัยให้คำตอบในเรื่องนี้ว่า “แน่นอน ในจำนวน 100 ราย อาจจะมีแค่ 1 รายที่ประสบความสำเร็จ นั่นก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าในบรรดา 99 รายที่ล้มเหลวไปจะไม่ได้สร้างคุณค่าอะไรเลย พวกเขามีการเทรนด์คน บ่มเพาะทักษะความเป็นผู้ประกอบการ พวกเขาจะเปลี่ยนวิธีคิดเราในการทำธุรกิจ คนเหล่านั้นสามารถเข้าร่วมองค์กรธรรมดาเพื่อเปลี่ยนให้เป็นองค์กรดิจิทัลได้ พวกเขาสามารถสร้างสตาร์ทอัพใหม่ได้อีก นี่คือที่ที่เราพัฒนาคน ดังนั้น ไม่มีทางเสียเปล่า เราเชื่อว่าสิ่งนี้จะสร้างคุณค่าและประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจ”
นอกจากนี้ซีอีโอเครือซีพียังได้ทิ้งท้ายถึงศักยภาพของประเทศไทยที่จะก้าวสู่การเป็นฮับด้านเทคโนโลยีว่า “ประเทศไทยตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชียที่มีประชากรกว่า 3 พันล้านคน ด้านเหนือเราเชื่อมต่อกับจีน ด้านใต้เราเชื่อมต่อกับประเทศในอาเซียนที่มีประชากรกว่า 700 ล้านคน หากเราจับมือกับเมียนมาร์ เราก็เชื่อมต่อกับอินเดีย เหมือนกับว่าประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ ที่ช่วยยกระดับทางเศรษฐกิจให้กับมาเลเซียและสิงคโปร์ได้เพราะการเชื่อมต่อต่างๆเหล่านี้ และแน่นอนว่าโลกกำลังเดินหน้าสู่ออนไลน์มากขึ้น รวมถึงบริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง การขนส่งทางอากาศและทางน้ำจะยิ่งคับคั่งขึ้นเรื่อยๆจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและรายได้ต่อหัวของประชากรในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น เช่น อินเดีย จีน และอื่นๆ กล่าวคือ ยังมีโอกาสอีกมาก”
ทั้งนี้ สามารถฟังแนวคิดและวิสัยทัศน์ของคุณศุภชัยในการร่วมผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของภูมิภาค ได้ที่นี่