วอลมาร์ทจัดส่งสินค้าด้วยโดรน เริ่มแล้วใน 6 รัฐ พร้อมบวกค่าส่ง 3.99 เหรียญสหรัฐ

ขอบคุณภาพจากวอลมาร์ท

การส่งสินค้าแบบ Same-Day Delivery ที่หลายคนฝันว่าอยากให้มี “โดรน” มาส่งของให้ถึงบ้านแบบด่วน ๆ ตอนนี้ชาวอเมริกันราว 4 ล้านคนใน 6 รัฐกำลังจะได้รับสิทธินั้นแล้ว เพราะวอลมาร์ท (Walmart) จับมือกับ DroneUp (บริษัทที่วอลมาร์ทไปลงทุน) ตั้งเป้าส่งสินค้าถึงหน้าบ้านภายใน 30 นาทีด้วยโดรน โดยคิดค่าบริการความด่วน 3.99 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 136 บาท

ทั้งนี้ การทดสอบบริการส่งของด้วยโดรนของวอลมาร์ทเริ่มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยในตอนนั้น ทางบริษัททดสอบในพื้นที่เล็ก ๆ ในย่านฟาร์มมิงตัน ของรัฐอาร์คันซอร์ จนระบบมีความเสถียรมากขึ้น จึงขยายออกสู่พื้นที่ที่กว้างขึ้นอย่างในปัจจุบัน ซึ่งวอลมาร์ทบอกด้วยว่า การขยายบริการส่งของด้วยโดรนนี้มีขึ้นเพราะอยากให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ต้องการในเวลาที่พวกเขาต้องการ พร้อมมองว่าเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นของบริษัท ที่สามารถนำสินค้าไปส่งถึงหน้าประตูบ้านลูกค้าได้ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง

สำหรับบริการส่งของด้วยโดรนของวอลมาร์ทจะเปิดให้บริการได้มากถึง 34 จุดทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาภายในสิ้นปีนี้ (ครอบคลุม 6 รัฐ ได้แก่ อริโซน่า, อาร์คันซอร์, ฟลอริด้า, เท็กซัส, ยูทาห์ และเวอร์จิเนีย หรือคิดเป็นประชากรในพื้นที่เป้าหมายราว 4 ล้านคน) ซึ่งวอลมาร์ทตั้งเป้าไว้ด้วยว่า จะส่งสินค้าด้วยโดรนได้มากถึง 1 ล้านแพกเกจภายใน 1 ปี

ส่วนผู้บริโภคที่อยากให้มีโดรนมาส่งของถึงหน้าบ้าน มีเวลาให้สั่งสินค้าได้ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงสองทุ่มของทุกวัน โดยมีสินค้าที่สามารถสั่งได้หลายหมื่นไอเท็ม ตั้งแต่ ยาแก้ปวด, ผ้าอ้อม, ฮอตดอก, ฯลฯ ซึ่งสินค้าเหล่านี้ วอลมาร์ทขอแค่อย่างเดียวว่า น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 10 ปอนด์ โดยทางบริษัทจะจัดส่งได้ภายใน 30 นาที และคิดค่าส่ง 3.99 เหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ในตอนแรกที่เปิดตัวบริการนี้ พวกเขาคิดว่าผู้บริโภคจะสั่งสินค้าที่ต้องการใช้ในเวลาฉุกเฉิน เช่น ยา ฯลฯ แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลาให้บริการจริง สิ่งที่ผู้บริโภคสั่งกลับเป็นสินค้าเพื่อความสบายใจ หรือสินค้าเพื่อเพิ่มความสุขให้ตัวเอง เช่น มื้อดึกของคืน พร้อมบอกด้วยว่า หนึ่งในไอเท็มยอดนิยมคือ อาหารกล่องอย่าง Hamburger Helper นั่นเอง

ทั้งนี้ วอลมาร์ทบอกด้วยว่า บริการส่งของด้วยโดรนนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าเร็วขึ้น แต่ยังช่วยให้อุตสาหกรรมโดรนมีข้อมูลในการบินมากขึ้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปต่อยอดเพื่อให้การบินโดรนในอนาคตมีความปลอดภัยมากขึ้นในที่สุด

ที่มา Brand Buffet