เมื่อเร็วๆ นี้ คุณมาริษา เจียรวนนท์ ประธานมูลนิธิเชฟแคร์ส (CHEF CARES) ที่ปรึกษาเครือเจริญโภคภัณฑ์ และผู้ก่อตั้ง Thai Art Initiative เปิดเผยว่า มูลนิธิเชฟแคร์ส ซึ่งสนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันและสนับสนุน Soft Power ไทย โดยเฉพาะในด้านศิลปะและอาหาร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงวัฒนธรรมไทยสู่สากล ด้วยโครงการ Thai Art Initiative (ThAI) หวังผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางศิลปะร่วมสมัยในเอเชีย ล่าสุดได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอความร่วมมือทางศิลปะของ 2 ศิลปินหญิงชาวไทย คือศิลปะอาหารไทย โดย คุณสุภิญญา จันสุตะ หรือ เจ๊ไฝ สุดยอดเชฟสตรีทฟู้ดชื่อดัง จากเชฟแคร์ส โปรเจกต์ โดยมูลนิธิเชฟแคร์ส ซึ่งเสนอถึงวัฒนธรรมไทยผ่านศิลปะของการทำอาหารไทย และ กวิตา วัฒนะชยังกูร ศิลปินศิลปะร่วมสมัยหญิงรุ่นใหม่ ณ พิพิธภัณฑ์ Novecento เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี โดยได้รับเกียรติจาก คุณรมณี คณานุรักษ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโรม ประเทศอิตาลี คุณธฤต จรุงวัฒน์ เลขาธิการมูลนิธิไทย คุณศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา อเมริกา และตะวันออกกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าร่วมงานนี้ ซึ่งได้รับการตอบรับพร้อมเสียงชื่นชมจากศิลปิน นักสะสมศิลปะ และผู้เข้าร่วมงานอย่างดงาม
นอกจากนี้คุณมาริษา ยังได้รับรางวัล RIMASCIMENTO+ ประจำปี 2022 ซึ่งเป็นรางวัลประจำปีอันทรงเกียรติโดยพิพิธภัณฑ์ Novecento ที่มอบแก่นักสะสมงานศิลปะที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาศิลปะร่วมสมัยและอุตสาหกรรมศิลปะทั่วโลก โดยนางมาริษาเป็นคนไทยและคนเอเชียนคนแรกที่ได้รับคัดเลือก นอกจากนี้นางมาริษายังมีส่วนร่วมผลักดันวงการศิลปะร่วมสมัย ทั้งในและนอกประเทศ โดยเป็นคณะกรรมการคัดเลือกศิลปินร่วมสมัยจาก Asia Pacific เพื่อจัดแสดงที่ Tate Modern London และ New Museum New York รวมถึงเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง M+ Museum ประเทศฮ่องกง ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ด้วย
ในฐานะผู้ก่อตั้ง Thai Art Initiative (ThAI) คุณมาริษากล่าวว่า รางวัลนี้สร้างประโยชน์ให้กับวงการศิลปะร่วมสมัยทั่วโลก และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทย อยู่ในสายตาของผู้คนในวงการศิลปะ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่จะสร้างแรงผลักดันต่อยอดให้กับศิลปินร่วมสมัยของไทย และวงการศิลปะไทยได้มีพื้นที่บนเวทีโลก โดยมีเหล่านักสะสมเป็นผู้ขับเคลื่อนเพื่อให้ศิลปินได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา
คุณมาริษาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า Thai Art Initiative(ThAI) ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยอยู่บนแผนที่ภูมิศาสตร์การเมืองของศิลปะร่วมสมัยในเอเชีย ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นอย่างมากทางด้านวัฒนธรรมประเพณี ในขณะที่ด้านการท่องเที่ยวก็ติดอันดับต้นๆ ของโลก นั่นคือส่วนสำคัญที่จะช่วยสนับสนุน Soft Power ของไทยให้ก้าวไกลระดับโลกได้ เราเห็นถึงความโดดเด่นนี้และพยายามสนับสนุนวัฒนธรรมประเพณีไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศ ด้วยการยกระดับ soft power ไทยสู่เวทีโลก โดยมุ่งเน้นการนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นของไทย โดยเฉพาะ อาหารไทย และศิลปะร่วมสมัย
“อาหารไทย และศิลปะร่วมสมัยไทย จะเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยไทยเป็นศูนย์กลางของการทำอาหารในเอเชีย เชฟชาวไทยของเรานั้นก็เหมือนศิลปิน เราภูมิใจในอาหารไทยที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค และได้รับการยอมรับจากทั่วโลก อย่างไรก็ตาม Soft Power ไม่ได้แฝงมาเฉพาะวัฒนธรรมอาหารเท่านั้น แต่ยังคงแฝงมาในรูปแบบอื่นๆ รวมถึงศิลปะ ซึ่งเป็นรสนิยมที่จะเติมเต็มแก่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ในภาพรวมอีกด้วย”
คุณมาริษากล่าวด้วยว่า ความร่วมมือทางศิลปะที่นำมาแสดงในงานสัปดาห์ศิลปะพิพิธภัณฑ์ Museo Novecento ณ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลีในวันนี้นั้น นับเป็นภารกิจแรกของ Thai Art Initiative (ThAI) โดยนำเสนอสองสาวไทยที่สร้างแรงบันดาลใจมากที่สุด คือเจ๊ไฝ- สุภิญญา จันสุตะ ราชินีแห่งอาหารข้างทาง วัย 74 ปี สุดยอดเชฟสตรีทฟู้ดชื่อดัง ซึ่งนำเมนูไข่เจียวเนื้อปูอันโด่งดังมาให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติ เจ๊ไฝได้ทุ่มเทกว่าครึ่งชีวิตเพื่อสร้างศิลปะผ่านอาหารที่สมบูรณ์แบบ และนี่เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของศิลปะการทำอาหารไทย โดยการแสดงของเจ๊ไฝ มาพร้อมกับผลงานของกวิตา วัฒนะชยังกูร ศิลปินด้านสิทธิมนุษยชน ด้วยนิทรรศการศิลปะหัวข้อ Body, Labour, Consumption ซึ่งนำเสนอผ่านวิดีโอที่คัดสรรจากซีรี่ส์ Performing Textiles และ Field Work ที่กล่าวถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นและแรงงานเพศหญิง โดยหวังว่าความร่วมมือทางศิลปะของศิลปินหญิงชาวไทยทั้งสองในวันนี้ และผลงานที่จะเกิดขึ้นจาก Thai Art Initiative ต่อจากนี้ จะสามารถสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณทางศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศไทย
ด้านคุณสุภิญญา จันสุตะ หรือ เจ๊ไฝ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานในครั้งนี้ และทุกครั้งที่ต้องไปทำอาหารในต่างประเทศจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นว่าอาหารไทยนั้นหากทำให้ดีจะสามารถเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น เพราะอาหารไทยมีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และหวังว่าการร่วมงานในครั้งรี้จะสามารถช่วยดึงดูดชาวต่างชาติให้สนใจลิ้มลองรสชาติของอาหารไทยมากขึ้น