ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยคุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์ (Cushman & Wakefield) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ระดับโลกพบว่า ฮ่องกงได้สูญเสียตำแหน่งเจ้าของย่านชอปปิงที่มีราคาแพงที่สุดในโลกไปแล้วในขณะนี้ หลังจากอัตราค่าเช่าพื้นที่ในฮ่องกงทรุดตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากผลกระทบของการใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 และมาตรการจำกัดนักท่องเที่ยว
ผลสำรวจระบุว่า ขณะนี้ย่านอัปเปอร์ ฟิฟ อเวนิว (Upper Fifth Avenue) ในเมืองแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์กของสหรัฐ ได้กลายมาเป็นย่านชอปปิงที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ขณะที่ย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) ของฮ่องกงหล่นลงมาอยู่ที่อันดับ 2 ตามมาด้วยย่านถนนมอนต์นโปเลียน (Montenapoleone) ในกรุงมิลานของประเทศอิตาลีอยู่ที่อันดับ 3
อัตราค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ยรายปีในย่านอัปเปอร์ ฟิฟ อเวนิวอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อตารางฟุต พุ่งขึ้น 14% จากระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่อัตราค่าเช่าพื้นที่ในย่านจิมซาจุ่ยและเกาลูนทรุดตัวลง 41% สู่ระดับ 1,436 ดอลลาร์ต่อตารางฟุต และอัตราค่าเช่าพื้นที่ในย่านมอนต์นโปเลียนเพิ่มขึ้น 9% สู่ระดับ 1,380 ดอลลาร์ต่อตารางฟุต
ส่วนย่านนิวบอนด์ สตรีท (New Bond Street) ในกรุงลอนดอนของอังกฤษอยู่ในอันดับ 4 โดยมีอัตราค่าเช่าพื้นที่ลดลง 11% ขณะที่ย่านฌองเซลิเซ่ (Champs Elysees) ในกรุงปารีสของฝรั่งเศสอยู่ที่อันดับ 5 โดยอัตราค่าเช่าพื้นที่ลดลง 18%
ทั้งนี้ ฮ่องกงกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หลังการประกาศใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดและปิดพรมแดนที่ติดกับจีน ซึ่งส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ฮ่องกงเปิดรับนักท่องเที่ยวเพียง 250,000 คนเท่านั้น เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบ 56 ล้านคน
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์