ภาพโดย StartupStockPhotos จาก Pixabay
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ เพื่อขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม (ระยะที่ 3) พ.ศ.2566-2568 (รวม 3 ปีภาษี)
ในปีงบประมาณ 2564-2565 กระทรวงการคลังได้มีมาตรการภาษี โดยเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของจำนวนเงินหรือรายจ่ายที่บริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม รวม 4 กองทุน ได้แก่
- กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา
- กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข
- กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวสิ้นสุดไปแล้วเมื่อ 31 ธ.ค. 65 โดยมีผู้บริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม รวม 4 กองทุนจำนวน 3,803 ราย จำนวนเงินบริจาครวมประมาณ 8.6 ล้านบาท
สำหรับร่าง พ.ร.ฎ. ดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
- สิทธิประโยชน์ คือ ขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม รวม 4 กองทุน
- ผู้ได้รับสิทธิประโยชน์ แบ่งเป็น 2 กรณี คือ กรณีบุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนเป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมคำนวณกับเงินได้ที่กำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวน 2 เท่าของเงินที่ได้จ่ายตามกรณีที่กำหนดไว้แล้ว ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนนั้น
ส่วนกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่เมื่อรวมคำนวณกับรายจ่ายที่กำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายแล้ว ต้องไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา
“การพิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลานี้ เพื่อสนับสนุนการระดมทุนจากภาคเอกชน และผลักดันการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สามารถยกระดับขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน และด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์” น.ส.ทิพานัน กล่าว
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์