เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2562ที่ผ่านมา นายทะดะชิ มะเอะดะ (Mr.Tadashi Maeda) ผู้ว่าการธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) และท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทชั้นนำจากประเทศไทย ได้รับเชิญให้อภิปรายร่วมกันภายใต้หัวข้อ “Connectivity in Asia recent developments in regional trade” ในการประชุม ASIA PACIFIC INITIATIVE FORUM (APIF) ซึ่งเป็นการประชุมระดับภูมิภาคครั้งสำคัญที่มีผู้นำธุรกิจ นักการทูต และตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ กว่า 200 คนได้รับเชิญเพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือในอนาคตที่จะต้องรับมือกับภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเอเชีย โดยการประชุมนี้จัดขึ้นที่เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น
ในการนี้ท่านประธานอาวุโสธนินท์ ได้กล่าวว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในผู้นำเศรษฐกิจของโลก และยังเป็น 1 ใน 3 ผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกซึ่งนับว่ามีศักยภาพไม่แพ้จีนและสหรัฐฯ เทคโนโลยีของญี่ปุ่นเปรียบเสมือนเงิน ซึ่งนี่คือโอกาสของญี่ปุ่น นอกจากนี้ในสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งมีความร่วมมือระหว่างจีน รัสเซีย ญี่ปุ่น จะทำให้ญี่ปุ่นมีโอกาส 3 ด้านคือ เงิน ทุน เทคโนโลยี (Money, Fund, Technology) จึงมั่นใจว่าญี่ปุ่นต้องมีอนาคตที่สดใส
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทย 70 ปีถือเป็นเวลายาวนานซึ่งได้สร้างความเชื่อมั่นแก่คนไทย และชื่นชอบที่ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทย ในการนี้ท่านประธานอาวุโสธนินท์ได้กล่าวเชิญชวนให้นักลงทุนญี่ปุ่นมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยท่านประธานอาวุโสธนินท์มั่นใจว่านอกจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนแล้ว ญี่ปุ่นจะชวนสหรัฐฯ-เยอรมัน มาลงทุนในไทยได้อีกด้วย
นอกจากนี้ญี่ปุ่นได้เห็นถึงความสำคัญเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของประเทศไทย โดย JBIC ได้เข้ามาสนับสนุนอีอีซีอย่างเต็มที่ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างจีน ญี่ปุ่น และไทย ทั้งนี้ท่านประธานอาวุโสเครือซีพีมั่นใจว่าความสำเร็จในการร่วมมือโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินฯจะดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งนี้เพราะรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินฯระยะทาง 200 กม. ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่
ในการนี้ท่านประธานอาวุโสธนินท์ได้ตอบข้อซักถามว่าจะให้ความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนใน EEC อย่างไรท่ามกลางการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ซึ่งท่านประธานอาวุโสเครือซีพีได้ตอบว่าการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกพื้นที่ สิ่งที่ทำได้คือการสนับสนุนให้คนญี่ปุ่น และจีน มาถ่ายทอดและอบรมให้คนไทยได้เรียนรู้ฝึกฝน อย่างเช่นรถไฟความเร็วสูงที่ไทยไม่มีประสบการณ์
ท่านประธานอาวุโสเครือซีพี กล่าวว่า ความรู้ เทคโนโลยี และความร่วมมือของญี่ปุ่น กับไทย ถือเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือของภูมิภาค และการที่ญี่ปุ่นมาลงทุนในอีอีซีร่วมกับประเทศอื่นทำให้เกิดการสร้างมาตรฐาน ทำให้เห็นว่าอีอีซีเป็นโครงการที่ดี
ในการนี้ ท่านประธานอาวุโสธนินท์ มีความเห็นว่าญี่ปุ่นมีความโดดเด่นทางด้านซอฟต์แวร์ อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยี ขณะที่จีนมีต้นทุนที่ต่ำ ความร่วมมือระหว่าง จีน ญี่ปุ่น ไทย จะก่อให้เกิดโมเดลใหม่สำหรับประเทศไทย แต่สิ่งสำคัญคือ”การลงมือทำ” เพราะไม่มีโครงการไหนสำเร็จได้ถ้าปราศจากการลงมือทำ
พร้อมกันนี้ได้ตอกย้ำว่าโอกาสการลงทุนของญี่ปุ่นคือการมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และมีเงินทุน ในขณะที่ทวีปยุโรป เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงต้องมีเทคโนโลยีอัตโนมัติ ซึ่งญี่ปุ่นก็ควรใช้หลักการเดียวกัน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ทั้งนี้ประเทศอื่น ๆ ที่น่าสนใจในเอเชียคืออินเดีย จีน และอินโดนีเซีย
Cr:Pr CPG