นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 66 คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัด 125,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.3% โดยจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตเพิ่มขึ้นอีก 0.5-0.7% จากประมาณการเดิม
“ก่อนหน้านี้ กังวลว่า นับตั้งแต่ช่วงวันวาเลนไทน์มา กิจกรรมทางเศรษฐกิจค่อนข้างแผ่วลง กลุ่มตัวอย่างกังวลผลกระทบจากน้ำท่วม และสถานการณ์ส่งออกที่ไม่ค่อยดี คนจะไม่ค่อยจับจ่ายใช้สอย แต่ปีนี้สงกรานต์คึกคัก และคาดว่าคึกคักมาก เพราะประชาชนอั้นมานาน โดยสังเกตจากวงเงินปีนี้มากกว่าปี 59 ที่ 124,542 ล้านบาท หรือปีที่เศรษฐกิจไทยเริ่มตั้งฐาน” นายธนวรรธน์ กล่าว
ทั้งนี้ ประชาชนมีพฤติกรรมซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 65 แต่ยังคงระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังโตแบบ K Shape โดยค่าใช้จ่ายในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 7,091 บาท/คน ส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศ เฉลี่ยที่ 45,681 บาท/คน
“ภาพรวม บรรยากาศของโควิด-19 คลี่คลาย ถ้าโควิดระบาดไม่รุนแรง กลุ่มตัวอย่างกว่า 50% บอกว่ายังคงออกไปเที่ยว เที่ยวเยอะสุดคือภาคกลาง จังหวัดที่มีทะเล ส่วนปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มองว่าไม่กระทบท่องเที่ยว เพราะกลุ่มตัวอย่างก็ยังตอบว่า ออกไปเที่ยวใกล้เคียงเดิม แต่อาจจะลังเลบ้าง” นายธนวรรธน์ กล่าว
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า กิจกรรมที่ประชาชนจะเข้าร่วมในช่วงสงกรานต์ปีนี้ สูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1.ทำบุญ 2.เล่นน้ำสงกรานต์ และ 3.สังสรรค์/จัดเลี้ยง โดยส่วนใหญ่เป็นการทำกิจกรรมร่วมกับ พ่อ-แม่ รองลงมา แฟน-คนรัก และญาติ ตามลำดับ
ส่วนของฝากเมื่อนำไปอวยพรผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่นิยมสูงสุด 3 อันดับแรก คือ เงินสด รองลงมา คือ พวงมาลัย และผลไม้ ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงความกังวลในช่วงสงกรานต์ พบว่าสิ่งที่ประชาชนกังวลมากสุด 3 อันดับแรก คือ 1.อุบัติเหตุและความปลอดภัยในการเดินทาง รองลงมา คือ การจราจรติดขัด ปัญหาอาชญากรรม และปัญหาการถูกลวนลาม ละเมิดทางเพศ
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์