เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย (BOI ) จัดสัมนา “ลงทุนในเซี่ยงไฮ้ ร่วมแบ่งปันอนาคต” ในการนี้ คุณสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วย คุณธนากร เสรีบุรี รองประธานอาวุโสเครือฯ ในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทยจีน เป็นแขกรับเชิญพิเศษ ร่วมในงานดังกล่าว โดยมี มร. กง เจิ้ง (Gong Zheng) นายกเทศมนตรีนครเซี่ยงไฮ้ และ คุณขัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกล่าวปาฐกกถา ในงาน ณ ห้องแกรนด์บอลลูม โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ
มร.กง เจิ้ง (Gong Zheng) นายกเทศมนตรีมหานครเซี่ยงไฮ้ กล่าวถึงยุทธศาสตร์การพัฒนานครเซี่ยงไฮ้ พร้อมย้ำให้เห็นถึงเสน่ห์และโอกาสในการพัฒนาของเซี่ยงไฮ้ พร้อมทั้งยังกล่าวเชิญชวนผู้ประกอบการทั่วโลกให้ไปลงทุนที่เซี่ยงไฮ้ และจับมือร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้น
มหานครเซี่ยงไฮ้มีพื้นที่รวม 6,340 ตารางกิโลเมตร เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจและการเงิน โลจิสติกส์ แฟชั่น และนวัตกรรม เป็นพื้นที่ “นำร่อง” ในการทดลองใช้นโยบายที่สำคัญ ๆ ของจีน อาทิ การปฏิรูปและเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ เขตการค้าเสรี (Free Trade Zone) และงานแสดงสินค้านำเข้าระหว่างประเทศ (China International Import Expo) เป็นต้น
ในช่วงที่ผ่านมา เซี่ยงไฮ้ได้ให้ความสำคัญกับการใช้นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เพื่อพัฒนาสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยมีเมือง “หลินกั่ง” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเซี่ยงไฮ้ มีพื้นที่ 873 ตารางกิโลเมตร ติดกับชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก เป็นหนึ่งในพื้นที่รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ และได้ถูกกำหนดให้เป็นเขตการค้าเสรี (Free Trade Zone ) ได้รับสิทธิพิเศษส่งเสริมการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดสรรทรัพยากรทั่วโลกอย่างมีศักยภาพและดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการเงิน อาทิ HSBC และธนาคารกสิกรไทย
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมผ่านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสมัยใหม่ด้านยา, ไบโอเทคโนโลยี, ปัญญาประดิษฐ์, การบินพลเรือน, EV รวมทั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัย วัสดุอุปกรณ์สมัยใหม่ และเซมิคอนดักเตอร์ ฯลฯ
ปัจจุบัน มีบริษัทที่เกี่ยวข้องมากกว่า 200 แห่ง สามารถดึงดูดการลงทุนเป็นเงินจำนวน 220,000 ล้านหยวน โดยมีมูลค่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 263,400 ล้านหยวน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นรถยนต์ TESLA ที่ผลิตและส่งมอบแล้ว 760,000 คันและยังมีการผลิตเครื่องบินพลเรือน C919 และการบริหารจัดการเดินเรือระหว่างประเทศ
ในพื้นที่ของมหานครเซี่ยงไฮ้ ยังมีบริษัทเดินเรือ 4 บริษัท บริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ 12 แห่งมาตั้งสำนักงานใหญ่ และใช้ท่าเรือหยางซานพัฒนาเป็นเขตปลอดภาษีเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทต่างชาติเข้าจะเข้ามาลงทุนในการค้าออนไลน์ และปัจจุบัน หลินกั่งอยู่ระหว่างการพัฒนาศูนย์ Big Data ระดับสากลเพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยความพร้อมและการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนดังกล่าว ในปี 2022 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่หลินกั่ง มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% และสามารถดึงดูดการลงทุนของต่างชาติในพื้นที่ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 9% จาก 5.5% ในปีก่อนหน้าโดยเฉพาะ TESLA ที่ได้มีการดำเนินการตั้งแต่เริ่มตั้งสายพานการผลิต และการผลิตในขั้นตอนต่าง ๆ เป็นข้อพิสูจน์ว่านครเซี่ยงไฮ้มีการดำเนินการจนเป็นที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งได้เข้าไปลงทุนในเซี่ยงไฮ้เมื่อกว่า 4 ทศวรรษที่ผ่านมาก็มีแผนจะขยายการลงทุนในเขตหลินกั่งด้วย
คุณธนากร เสรีบุรี รองประธาน อาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์และนายกสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดของจีน และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในอาเซียน ประกอบกับการที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ริเริ่มโครงการ Belt and Road Initiative มาตั้งแต่ปี 2556 โดยนับแต่นั้นเป็นต้นมา จีนกลายเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยต่อเนื่องมาเป็นเวลา 10 ปี
โดยในปี 2565 ปริมาณการค้าระหว่างไทยและจีนมีมูลค่าสูงถึง 135,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และจีนยังเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนมูลค่าสูงสุดของไทยในหลายธุรกิจ อาทิ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เวชภัณฑ์ เครื่องจักร และอุปกรณ์เกี่ยวกับการขนส่ง ตลอดจนอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกทั้งยังได้มีการพัฒนาความร่วมมืออย่างลึกซึ้งภายใต้กรอบความร่วมมือ TCEP และแม่โขง-ล้านช้าง รวมไปถึงยุทธศาสตร์ 4.0 ของไทย และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก “อีอีซี”
นอกจากนี้ การก่อสร้างเส้นทางรถไฟไทย-จีน ยังมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไทยในฐานะประเทศที่สำคัญในอาเซียน มีความเพียบพร้อมทั้งในด้านกฎระเบียบ และนโยบายภาครัฐที่เอื้อต่อการลงทุนจากต่างประเทศ จึงทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
คุณธนากร กล่าวอีกว่า สมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน ให้บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างไทยและจีนมาแล้วร่วม 40 ปี มีสมาชิกเป็นจำนวนมากที่ต้องการไปลงทุนในประเทศจีน เพราะเป็นตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง และมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการลงทุน
“เมื่อคิดถึงการลงทุนในประเทศจีน ต้องนึกถึงนครเซี่ยงไฮ้ก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งมีหลายบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมของเราได้เข้าไปลงทุนในนครเซี่ยงไฮ้แล้ว และประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ บริษัทชั้นนำของไทย อย่างเครือซีพี” คุณธนากร กล่าว
นอกจากนี้ รถยนต์เอ็มจี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง เอสเอไอซี มอเตอร์ จากนครเซี่ยงไฮ้ กับ เครือซีพี ของไทย กำลังเป็นที่นิยม และได้รับการยอมรับในประเทศไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยสร้างความมั่นใจในการลงทุนที่นครเซี่ยงไฮ้ โดยในปัจจุบันมีบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกเกือบ 900 บริษัท ได้เข้าไปตั้งสำนักงานใหญ่ในนครเซี่ยงไฮ้ และยังมีอีกกว่า 530 บริษัท เข้าไปตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา
ทั้งนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านครเซี่ยงไฮ้ มีความน่าสนใจที่นักลงทุนจะต้องพิจารณาเป็นพิเศษ ซึ่งนับตั้งแต่ได้มีการปฏิรูปและเปิดประเทศ ได้ทำให้จีนกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกในฐานะเมืองที่ทันสมัยที่สุด จนมีฉายาว่า “นครเซี่ยงไฮ้ เมืองที่เปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมในทุก 3 ปี”โดย จีดีพี ของนครเซี่ยงไฮ่ ในปี 2565 สูงถึงกว่า 650,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมาตรฐานการดำรงชีพของชาวเซี่ยงไฮ้ก็พัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นเมืองที่มีกำลังซื้อสูงสุดในประเทศจีน
อนึ่ง งานสัมมนาในครั้งนี้มีแขกรับเชิญพิเศษร่วมกล่าวสานความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจที่แนบแน่นระหว่างไทย-เซี่ยงไฮ้ อาทิ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และเลขาธิการบีโอไอ พร้อมทั้งผู้แทนภาครัฐและเอกชนของไทยและจีนที่เข้าร่วมงานรวมราว 300 คน และยังได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่างกันรวมทั้งสิ้น 6 ฉบับ