น้อง “สุทธิดา” หรือ “น้องดา” เยาวชนอายุ 25 ปี ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือซีพี) สนับสนุนการจ้างงาน เป็นอาสาพัฒนาชุมชน (อสพ.) ภายใต้โครงการศูนย์วิจัยกาแฟชุมชนบ้านกองกาย อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ โดย “น้องดา” ถือเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีแรงบรรดาลใจกลับมาพัฒนาบ้านเกิดด้วยแนวคิดที่ว่า อยากพัฒนาอาชีพเกษตรให้ครอบครัวและชุมชนบ้านกองกายให้หันมาปลูก “กาแฟ” แทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่สามารถลดต้นทุน และเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้องค์ความรู้ต่างๆ มารับช่วงต่อจากครอบครัวผ่านรุ่นสู่รุ่นปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลักในอนาคต
“น้องดา เล่าว่า…งานหลักๆคือ การมีหน้าที่ช่วยทีมงานจากเครือซีพี ในการส่งเสริมการปลูกกาแฟ โดยให้องค์ความรู้ต่างๆแก่เกษตรกร อาทิ วิธีการปลูกกาแฟ และวิธีการดูแลรักษากาแฟให้มีผลผลิตที่ดี ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด คอยให้คำปรึกษาเกษตรกร และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เหตุผลที่เลือกทำงาน อสพ. เพราะว่าอยากมีความรู้ในการปลูกกาแฟ ไปสอนชาวบ้าน ชุมชน และช่วยพ่อแม่ทำไร่กาแฟของที่บ้าน ให้ทุกคนมีรายได้เพิ่มขึ้นค่ะ”
แรงจงใจที่ “น้องดา” อยากกลับมาพัฒนาบ้านเกิด
น้องดา เปิดใจว่า… “อยากกลับมาช่วยพ่อแม่ปลูกกาแฟที่บ้าน โดยก่อนหน้านี้ครอบครัวปลูกพืชเชิงเดี่ยวอย่างเดียวเลยค่ะ แต่พอเครือซีพีเข้ามาส่งเสริม พ่อแม่ก็อยากเปลี่ยนมาปลูกกาแฟ โดยเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่ปี 2560 เป็นรุ่นที่แรกเลย เพราะสามารถเก็บผลผลิตในระยะยาวได้โดยไม่ต้องปลูกใหม่ เพราะพ่อแม่อายุมากแล้วด้วยค่ะ โดยปัจจุบัน ครอบครัวได้เป็นสมาชิกใน “วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกาแฟบ้านกองกาย” และได้ปลูกกาแฟมาแล้ว 4 ไร่”
นอกจากนี้ น้องดา ยังเล่าถึงปัญหาของการทำการเกษตรในชุมชนบ้านกองกายว่า ทรัพยากรดินที่คุณภาพไม่ดี ทำให้ผลผลิตมีจำนวนน้อยกว่าที่ควร แต่การปลูกกาแฟก็จะทำให้สามารถฟื้นฟูทรัพยากรต่างๆให้ดีขึ้นได้ สำหรับเรื่องรายได้ ถือว่าดีนะคะ อย่างปีที่แล้วครอบครัวได้รายได้จากการปลูกกาแฟกว่า 3 หมื่นบาท ในปีนี้ช่วงต้นปี มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 5 หมื่นบาท ซึ่งคาดว่าในปีต่อๆไปรายได้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ”
หลังจากเครือซีพีเข้ามาส่งเสริม สนับสนุนการปลูกกาแฟสร้างป่า
น้องดา ให้ความคิดเห็นว่า… “เห็นด้วยที่เครือซีพีเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนอาชีพให้กับครอบครัวและชุมชน เพราะการปลูกกาแฟ สามารถปลูกครั้งเดียวแต่ให้ผลผลิตในระยะยาวหลาย 10 ปี สามารถลดต้นทุน ลดการใช้สารเคมี เพราะกาแฟเป็นพืชมูลค่าสูงที่ดูแลง่าย ทนแล้ง และเป็นที่ต้องการของตลาด ส่วนพืชเชิงเดียวที่เคยปลูกมา ต้องปลูกใหม่ทุกปี ปลูกแล้วเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ครั้งเดียว ต้องมีการคุมยา ฉีดยา พื้นที่ปลูกต้องสมบูรณ์ มีคุณภาพดี ถ้าไม่ดีผลผลิตก็ไม่ขึ้น นอกจากการปลูกกาแฟแล้ว…เครือซีพียังสนับสนุนการปลูกพืชชนิดอื่นอีกหลายอย่างค่ะ เช่น อะโวคาโด พลับ กล้วย แมคคาเดเมีย เพราะสามารถเพิ่มรายได้นอกเหนือจากการปลูกกาแฟ นอกจากนี้ยังเป็นไม้ร่มเงาให้กับต้นกาแฟได้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพได้อีกด้วย”
ในอนาคตข้างหน้า “น้องดา” เตรียมต่อยอดอาชีพ “ปลูกกาแฟ” จากครอบครัว
น้องดา ทิ้งท้ายว่า…“อยากทำแปลงกาแฟต่อจากครอบครัว เพราะตั้งแต่มาช่วยพัฒนาชุมชนในฐานะอสพ. ก็รู้สึกชอบค่ะ แล้วเราก็ได้ความรู้ในการปลูกกาแฟมาแล้ว และเห็นว่าเป็นพืชที่เหมาะกับพื้นที่และชุมชน ใช้พื้นที่น้อย ดูแลไม่ยาก และยังเป็นการฟื้นฟูป่า เพิ่มป่าสีเขียวให้กับชุมชนด้วยค่ะ และที่สำคัญคือตั้งแต่ครอบครัวเข้าร่วมวิสาหกิจชุมชนในการปลูกกาแฟและแปรรูปเป็นสินค้า ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นค่ะ”
ทั้งนี้ เครือซีพี ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนโครงการ ศูนย์วิจัยกาแฟชุมชนบ้านกองกาย อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ในการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกาแฟบ้านกองกาย ซึ่งในปีนี้ เครือซีพี สนับสนุนโรงแปรรูปกาแฟชุมชนบ้านกองกาย เพื่อเป็นแหล่งรองรับผลผลิตกาแฟจากการส่งเสริมสมาชิกในโครงการฯ ยกระดับและเพิ่มมูลค่ากาแฟบ้านกองกาย และเป็นแหล่งพัฒนาการแปรรูปกาแฟบ้านกองกายในรูปแบบต่างๆ โดยร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคชุมชน ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ยกระดับการทำการเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำ – ปลายน้ำ ได้รับสิทธิทำกินที่เหมาะสม พร้อมมุ่งฟื้นฟูป่าต้นน้ำ สร้างจิตสำนึกในเรื่องของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนเยาวชนรุ่นใหม่กลับมาพัฒนาชุมชนบ้านเกิด และท้ายที่สุดชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน