ในช่วงฤดูร้อนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมักประสบปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างหนัก ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาก๊าซเรือนกระจก การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเครือซีพี ได้ยกระดับการพัฒนางานชุมชนให้สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดก๊าซเรือนกระจก เเละยกระดับเป็นธุรกิจเพื่อสังคม Social Enterprise ได้ ด้วยการพัฒนาโครงการปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ บ้านดอนไชยป่าแขม อ.ปง จ.พะเยา ผ่านการนำทักษะด้านการทำปุ๋ยที่ชุมชนมีอยู่ มาพัฒนาต่อยอดในการลดต้นทุนทางการเกษตร โดยเมื่อปี 2565 ได้รับการรับรองจากโครงการ Less ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก องค์การมหาชน (อบก.) เป็นหนึ่งในโมเดลที่ใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรกลับมาหมุนเวียนใช้ซ้ำอีกครั้ง สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 1,703 kgCO2eq คิดแล้ว ประมาณ 1.7 tCO2eq พร้อมตั้งเป้าหมายปี 2566 ในการรวบรวมแหล่งวัตถุดิบจากวัสดุทางการเกษตร นำมาเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตปุ๋ยในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ บ้านดอนไชยป่าแขม อ.ปง จ.พะเยา จำนวน 35,000 กก.
คุณพิไลลักษณ์ พิชัยวัตต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า “ปุ๋ยฮักน้ำยม ภายใต้โครงการปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ บ้านดอนไชยป่าแขม อ.ปง จ.พะเยา ซึ่งสนับสนุนเรื่องการแปรรูปปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและมูลสัตว์ในพื้นที่เลี้ยงสัตว์ของชุมชน ได้แก่ เปลือกข้าวโพดและมูลวัวเป็นหลัก มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดต้นทุนทางการเกษตร โดยรวมกลุ่มการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มอาชีพทางเลือกและรายได้ให้กับเกษตรกร ด้วยแนวคิด 5 ลด 1 เพิ่มคือ ลดต้นทุน ลดการใช้สารเคมี ลดความเสี่ยงเรื่องสุขภาพ ลดปัญหาขยะชุมชน ลดปัญหาหมอกควันพิษจากการเผาและเพิ่มมูลค่า ปัจจุบันมีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 78 คน ผลิตปุ๋ยได้ 55,925 กิโลกรัม และนำไปจำหน่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ผ่านเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ จ.น่าน จ.พะเยา และ จ.เชียงใหม่”
คุณจำเนียน สมนาเมือง รองประธานวิสาหกิจชุมชนแปรรูปปุ๋ย เกษตรกรบ้านดอนไชย กล่าวว่า “จากการรวมกลุ่มกันของคนในชุมชน เพื่อผลิตปุ๋ยใช้เองด้วยความรู้และทักษะของชุมชน ซึ่งยังไม่สามารถต่อยอดเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้ได้ เครือซีพีได้เข้ามาส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกรมีองค์ความรู้ในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ส่งเสริมให้เกิดเป็นอาชีพในชุมชน เกษตรกรได้ใช้ปุ๋ยปลอดสารเคมีคุณภาพดี ราคาประหยัด ช่วยลดต้นทุนการทำการเกษตรให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ลดการใช้สารเคมี ลดความเสี่ยงเรื่องสุขภาพ ลดปัญหาขยะชุมชน ลดปัญหาหมอกควันจากการเผาวัสดุทางการเกษตร รวมถึงเป็นทางเลือกอาชีพที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้นด้วย”
เครือเจริญโภคภัณฑ์ ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการพัฒนาที่ยั่งยืนครบทุกมิติ มุ่งมั่นให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านการจัดโครงการต่าง ๆ ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนาน ทั้งการฟื้นคืนผืนป่าและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นต้นทางของทรัพยากรและแหล่งกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและพัฒนาชุมชนควบคู่ไปด้วย โดยตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนภายในปี 2030 มุ่งสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutral ในการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน