คนแต่ละยุคมีลักษณะและจุดเด่น-จุดด้อยต่างกันไป ซึ่งลักษณะต่าง ๆ ก็ถูกหล่อหลอมมาจากสิ่งแวดล้อมและบริบทยุคสมัยนั่นเอง โดยสำหรับยุคนี้กลุ่มที่กำลังถูกพูดถึงมากสุด เพราะมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนโลก และยังครองสัดส่วนอยู่ไม่ใช่น้อยในตลาดแรงงานคือ Gen Z
Gen Z คือผู้ที่ปัจจุบัน (ปี 2023) มีอายุระหว่าง 18-24 ปี หรือกล่าวได้ว่าเป็นน้องของ Gen Y ลูกของ Gen X และหลานของ Babyboom นั่นเอง โดยแม้ชีวิตวัยเรียนช่วงท้ายก่อนเข้าสู่วัยทำงานต้องอยู่ใต้มาตรการล็อกดาวน์ในสถานการณ์โควิด
จนทำให้ขาดทักษะการเข้าสังคมต่าง ๆ หรือ Soft skill ที่ถือว่าจำเป็นในการทำงานไป
นอกจากนี้ ยังไม่เห็นว่าการสังสรรค์หลังเลิกงานโดยเฉพาะที่มีเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์เป็นเรื่องจำเป็น เพราะติดล็อกดาวน์มานาน ห่วงใยสุขภาพ ไม่อยากให้มีรูปเสียหายของตัวเองปรากฏบนโลกออนไลน์ และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจทำให้รายได้ปีแรก ๆ ของการทำงานก็แทบไม่พอใช้
แต่ Gen Z ก็มีจุดแข็งอยู่ที่ทักษะด้านเทคนิค หรือ Hard skill และเป็นแต้มต่อสำคัญเหนือคนรุ่นพี่ รุ่นพ่อแม่ และรุ่นปู่ย่า ในตลาดแรงงาน ณ ปัจจุบัน โดยจุดแข็งที่ว่าคือ Gen Z ไม่ตั้งคำถามหรือมองเหล่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นภัยคุกคาม เหมือน Gen Y Gen X และ Babyboom ที่กลัวว่า AI จะเข้ามาแย่งงาน
BBC รายงานอ้างทัศนะของนักวิชาการด้านการบริหารจัดการและที่ปรึกษาในแวดวงธุรกิจว่า Gen Z มองว่า AI จะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น (Utopia) ไม่ใช่ทำให้แย่ลง (Dystopia) แบบคนรุ่นก่อน ๆ ที่หวาดกลัวกัน
ดังที่เห็นตามนิยาย หนัง หรือซีรีส์วิทยาศาสตร์หลายต่อหลายเรื่อง จนทำให้เกิดความเครียดหรือกังวลว่า AI จะมาแย่งงาน (AI Anxiety)
แม้ข้อมูลที่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ชี้ว่าในอนาคตอันใกล้ทั่วโลกจะมีคนตกงานหลายล้านคนเพราะถูก AI เข้ามาแทนที่ แต่นอกจาก Gen Z จะไม่กลัวแล้ว พวกเขายังปรับตัวทันที มองว่าต้องเรียนรู้และต้องใช้ AI ให้คล่อง เพื่อประโยชน์ในการทำงาน และให้ทักษะดังกล่าวนำความก้าวหน้ามาให้
และหากเห็นว่างานไหนใช้ AI ทำแทน หรือช่วยในจุดใดได้ก็จะใช้ AI อย่าง ChatGPT ทันทีโดยไม่ลังเล โดย VEM Medical บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์ในสหรัฐฯ เผยว่า Gen Z กลายเป็นพนักงานสำคัญของบริษัทไปแล้ว เพราะพวกเขาใช้ AI คล่อง ดังนั้น ผลงานที่ออกมาจึงมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Patrick Fan ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาธุรกิจของมหาวิทยาลัย Iowa ในสหรัฐฯ กล่าวว่า Gen Z ขวนขวายหาความรู้เรื่อง AI อย่างมาก เพราะเห็นว่าสำคัญต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะงานด้านการเงิน การแพทย์ การตลาด และภาคการผลิต
และ Gen Z นี่เองที่จะช่วยให้ AI เป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจเทคโนโลยีนี้ดีขึ้น และมีส่วนต่อการวางรากฐานกฎระเบียบการใช้ AI
ขณะเดียวกันพวกเขายังจะมีบทบาทสำคัญในการจัดอบรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ AI รวมไปถึง Reverse Mentorship ที่สลับขั้วให้คนรุ่นใหม่สอนรุ่นใหญ่ตามออฟฟิศทั่วโลกนับจากนี้
อันจะช่วยเพิ่มทั้งความเข้าใจเทคโนโลยีและลดช่องว่างระหว่างคนหลายรุ่นในออฟฟิศของสังคมการทำงานยุคนี้ ที่กว้างแบบไม่เคยมีมาก่อนได้อีกด้วย
ที่มา Marketeer