การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 ช่วงที่ 1 ล่าสุดคืบหน้า 58.42% คาดเปิดตามแผนปี 2570 รองรับ LNG ตามแผน “ประยุทธ์” ชื่นชมการทำงานให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศ พร้อมเน้นย้ำการพัฒนา EEC ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 โดย กนอ. ได้รายงานความก้าวหน้าการก่อสร้างที่มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง คิดเป็น 58.42% ถือว่าคืบหน้าเป็นลำดับต้น ๆ ของโครงการ EEC Project List ซึ่งสถานะปัจจุบันการก่อสร้างมีความก้าวหน้าในทุก ๆ ด้าน อาทิ การก่อสร้างเขื่อนกันทราย ก้าวหน้า 70.93% งานขุดลอกถมทะเล ก้าวหน้า 60.89% และงานก่อสร้างเขื่อนกันคลื่น ก้าวหน้า 38.95% เป็นต้น
นอกจากนี้ โครงการยังสร้างการมีส่วนร่วมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยปฏิบัติตามมาตรการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง (Environmental and Health Impact Assessment: EHIA) อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ กนอ. ยังจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น 3 คณะ โดยมีผู้แทนจากภาคประชาชน หน่วยงานราชการ หน่วยงานของโครงการที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน ร่วมเป็นคณะกรรมการเพื่อติดตามตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ รวมถึงการชดเชยเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่ง กนอ. จ่ายเงินชดเชยฯ ไปแล้วกว่า 934 ราย มูลค่า 93.4 ล้านบาท
ซึ่งรัฐบาลจัดทำแผนพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในเขตพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (EEC Project) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลวของท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด รวมถึงรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งเป็นการส่งเสริมศักยภาพของพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศที่อยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
การพัฒนาโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) และช่วงที่ 2 การพัฒนาพื้นที่ธุรกิจด้านพลังงาน (Superstructure) 500 ไร่ ประกอบด้วยท่าเทียบเรือก๊าซ พื้นที่ 200 ไร่ ท่าเรือสินค้าเหลว พื้นที่ 200 ไร่ คลังสินค้าและธุรกิจเกี่ยวข้อง พื้นที่ 150 ไร่ โดยคาดว่าโครงการช่วงที่ 1 จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2570
“ท่านนายกฯ ชื่นชมการทำงานของ กนอ. ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศ และสามารถดำเนินการได้ตามแผน ขอให้ทุกคนภาคภูมิใจที่ทำให้เกิดการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันยังเน้นย้ำเรื่องของความปลอดภัย การดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อมด้วย นอกจากนี้ ท่านนายกฯ ยังฝากด้วยว่า การพัฒนา EEC ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่ ขอให้จับมือกันให้มั่น เพื่อสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแกร่ง”