ลุ้นมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2030 แต่ ‘ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลระหว่างเมืองและชนบท’ คืออุปสรรคสำคัญ

เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศักยภาพในการเติบโตอีกหลายเท่าตัว หลังได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงผู้บริโภคดิจิทัลกว่า 460 ล้านคน จากประชากรหนุ่มสาวที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ตลอดจนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น

เศรษฐกิจดิจิทัลของ 6 ประเทศในกลุ่มสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกลุ่มประเทศอาเซียน-6 ซึ่งประกอบไปด้วยอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย คาดว่าจะเติบโต 6% ต่อปี

ขณะที่รายงาน e-Conomy SEA 2022 ที่เผยแพร่โดย Google, Temasek และ Bain & Company คาดการณ์ว่าตลาดดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030

อย่างไรก็ตาม ปัญหาการแบ่งเขตดิจิทัลระหว่างเมืองและชนบท ไปจนถึงความรู้ทางดิจิทัลในระดับต่ำ กลายเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการเติบโตและเป็นโจทย์หลักของภูมิภาคนี้ที่ยังต้องต่อสู้ต่อไป

จากการประมาณการของ World Bank ในปี 2021 พบว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกเว้นสิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน มีประชากรมากกว่า 40% ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบท

ในอินโดนีเซีย แม้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้นในแต่ละปี แต่ยังคงประสบกับความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลสูงในเมืองและชนบท การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทิ้งชุมชนในชนบทบางแห่งไว้ข้างหลัง

และแม้ว่าอาเซียนจะมีอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตสูงถึงกว่า 70% และประชากรส่วนใหญ่มีสมาร์ทโฟน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้คนจะมีความรู้ด้านดิจิทัลมากตามไปด้วย

ผู้คนส่วนใหญ่มีโทรศัพท์มือถือในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แต่ปัญหาคือชาวอาเซียนถูกครอบงำโดยโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก การยกระดับทางเศรษฐกิจดิจิทัลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาความรู้ทางดิจิทัล เพื่อให้ผู้คนไม่ใช้งานแต่เพียงโซเชียลมีเดีย แต่ยังรวมถึงเว็บไซต์ต่างๆ ในระดับที่สูงขึ้น

Anthony Toh นักวิเคราะห์วิจัยจาก S. Rajaratnam School of International Studies เผยว่า “เศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนกำลังขยายตัว แต่เราจะเห็นการแบ่งแยกทางดิจิทัลในระหว่างภูมิภาคได้อย่างชัดเจน เช่น สิงคโปร์เป็นประเทศในอาเซียนที่มีความเป็นดิจิทัลมากที่สุด ขณะที่มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน ไทย และเวียดนาม ยังขาดตัวชี้วัดบางอย่าง ด้านเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา ยังขาดโอกาสในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล”

ด้าน Kendrick Chan จาก Portulans Institute ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยอิสระในวอชิงตัน เชื่อว่าการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลนั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีกรอบการกำกับดูแลขั้นพื้นฐานที่เหมือนกัน และเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาที่ไม่เท่าเทียมกันของเศรษฐกิจดิจิทัลนั่นคือแต่ละประเทศอยู่ในขั้นตอนการพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่แตกต่างกัน”

ทั้งนี้ อาเซียนได้วางนโยบายและกรอบการทำงานที่สำคัญ เช่น แผนแม่บทด้านดิจิทัลของอาเซียนปี 2025 เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการด้านความร่วมมือทางดิจิทัลระหว่างรัฐบาลของประเทศในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม รายงานของ World Economic Forum เปิดเผยว่า เป้าหมายเหล่านี้จะต้องการการวิจัยโดยละเอียด การกำหนดนโยบายที่มีวิสัยทัศน์ และการซื้อจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระดับภูมิภาค ซึ่งอย่างน้อยที่สุดอาเซียนควรมีแนวคิดหรือข้อกำหนดในทิศทางเดียวกัน

และจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันทิศทางยังคงแตกต่างกัน เช่น กรณีการถ่ายโอนข้อมูลข้ามพรมแดนสิงคโปร์มีกฎหมายที่รับรองความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ การถ่ายโอนข้อมูลทางการเงินข้ามพรมแดนอย่างปลอดภัย แต่กัมพูชาไม่มีกฎหมายรองรับเรื่องดังกล่าว

อ้างอิง: