แม้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 จะเริ่มดีขึ้น แต่จากการระบาดที่ยาวนานกว่า 2 ปี ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังฝึดเคือง ส่งผลให้ผู้บริโภคกังวลใจ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยไปอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวเมื่อไหร่ และจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกในอนาคต
ดังนั้น เพื่อให้นักการตลาด เจ้าของสินค้าและแบรนด์เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา รวมถึงสามารถนำข้อมูลมาปรับใช้กับแผนการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) จึงศึกษา “พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทย” ทุกๆ 2 เดือน เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวไทย โดยผลสำรวจล่าสุดเดือนเมษายน 2565 พบข้อมูลที่สนใจ ดังนี้
หลังโควิด-19 คนไทยใช้จ่ายอะไรมากสุด
ผลสำรวจเผยให้เห็นว่า คนไทยมีแนวโน้มระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เพราะสภาพเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง พร้อมให้ความสำคัญกับครอบครัวและสุขภาพมากขึ้น ในช่วงที่ยังคงต้องใช้ชีวิตควบคู่ไปกับโควิด-19 ที่ดูเหมือนจะยังไม่จากไปโดยง่าย โดย สิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญในช่วงนี้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1.ครอบครัว 28% แม้จะลดลงจากเดิม 4% แต่ยังเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญที่สุด โดยเฉพาะคนอายุ 50-59 ปี โดยมองว่าครอบครัวคือ หัวใจ และอยากใช้เวลากับครอบครัว เน้นสร้างความสุขจากคนในบ้านและลูกหลาน
2.สุขภาพ 28% เพิ่มขึ้น 4% โดยเฉพาะคนอายุ 40-49 ปี ห้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น เพราะอายุมากขึ้น จึงต้องดูแลสุขภาพ ถ้าสุขภาพไม่ดี อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
3.ความมั่งคั่ง 13% เพิ่มขึ้น 2% จากสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ ทุกอย่างราคาสูงขึ้น สวนทางกับรายได้ที่หากไดด้ยากกว่าเดิม ส่งผลให้คนเปิดรับโอกาสใหม่ๆ เพื่อให้มีรายได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น
4.การงาน 11% ลดลง 1%
5.ความปลอดภัย 6% จากสถานการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าต้องปลอดภัยไว้ก่อน
เทรนด์การดื่มเครื่อมดื่มผสมวิตามินมาแรง แม้ราคาสูงกว่า แต่ผู้บริโภคก็ยอม
สำหรับพฤติกรรมใหม่ที่เริ่มเห็นมากขึ้นของกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย ก็คือ การหลีกเลี่ยงการไปหาหมอที่โรงพยาบาลแบบเจอพบปะคุณหมอโดยตรง แต่ หันมาหาทางเลือกในการพบหมอผ่านบริการแบบ Telemedicine ที่ให้ความปลอดภัยกว่าแถมยังสะดวกสบาย เพราะไม่ต้องเดินออกนอกบ้าน โดยเฉพาะคนไทยช่วงอายุ 40-59 ที่ใส่ใจดูแลตัวเองและยังห่วงใยสุขภาพของสมาชิกในบ้าน ดังนั้น บริการด้าน Telemedicine จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญกับการใช้ชีวิตแบบ New Normal เพราะตอบโจทย์ทั้งเรื่องความปลอดภัย ประหยัดเวลา และมีสุขภาพดีแบบไม่เสี่ยง
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า วัยรุ่นไทยหลายคนนอกจากจะออกกำลังกายแล้ว ยังเริ่มหันมาใส่ใจการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่เสริมสุขภาพที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคมากขึ้น แต่ยังคงมีราคาไม่แพงจนเกินไป ซึ่งหนึ่งในสินค้าที่เป็นเทรนด์สุขภาพและเข้าถึงได้ง่ายคือ เทรนด์การดื่มเครื่อมดื่มผสมวิตามิน เพราะนอกจากจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้เหมือนกับการทางวิตามินเสริมชนิดเม็ดแล้ว ยังมีรสชาติที่ถูกปากและผ่อนคลายกว่าการดื่มน้ำเปล่าปกติ ถึงแม้ว่าจะต้องยอมจ่ายแพงขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ แต่ผู้บริโภคเชื่อว่า การบริโภคเครื่องดื่มผสมวิตามินเป็นทางเลือกที่ดีกว่าและคุ้มค่ากว่าการป่วยและจ่ายค่ารักษาในอนาคต
จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับการดื่มเครื่องดื่มผสมวิตามินมากขึ้น จากที่เคยเลือกดื่มเครื่องดื่มประเภทต่างๆ จึงเรียกได้ว่าเป็นแนวความคิดใหม่ สะท้อนการใช้ชีวิตของวัยรุ่นในยุค New Normal อย่างแท้จริง ซึ่งส่งผลให้กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มต่างๆ ในไทยต้องปรับตัว และขยับเข้ามาทำตลาดนี้เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพื่อรองรับพฤติกรรมการใช้จ่ายและการใช้ชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไป พร้อมๆ กับช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดภายใต้โลกยุคใหม่ที่ไม่มีวันเหมือนเดิม
ที่มา brandbuffet