เมื่อเร็วๆนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ขับเคลื่อนโครงการ “ซีพี…เพื่อความยั่งยืน : C.P. for Sustainability” มุ่งสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ เศรษฐกิจ ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม สำหรับ จ.เชียงใหม่ เข้าไปส่งเสริมการ “ปลูกกาแฟฟื้นฟูป่า” ในหลายพื้นที่ โดยในปี 2567 นี้ เครือซีพี น่วมกับเกษตรอำเภอ สนับสนุน “กล้ากาแฟ” คุณภาพสายพันธุ์ดีให้แก่ชุมชน ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่แจ่ม อ.สะเมิง และ อ.แม่ออน โดยมีเป้าหมายส่งเสริมให้เกษตรกรลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยว มาปลูกกาแฟทดแทน เพื่อให้เกษตรกรลดกระบวนทางการเกษตรในรูปแบบ “เผา” ในพื้นที่ป่า พร้อมทั้งมีไม้ร่มเงาในการช่วยกักเก็บคาร์บอน และเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสร้างอาชีพที่เหมาะสม เพิ่มความเข้มแข็งให้กับชุมชนบนพื้นที่สูง
นายนนท์ นาคะเสถียร ผู้จัดการทั่วไป ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนโครงการด้านความยั่งยืนของเครือซีพี ใน จ. เชียงใหม่ ดำเนินมาแล้วกว่า 7 ปี โดยเข้าไป ส่งเสริมการ “ปลูกกาแฟฟื้นฟูป่า” ตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ – ปลายน้ำ เพราะเล็งเห็นข้อดีหลายด้าน อาทิ กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจ มีความเหมาะสมกับพื้นที่ ลงทุนปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้หลายปี นอกจากนี้ยังต้องปลูกควบคู่กับไม้อื่นๆเป็นร่มเงา จึงสามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยกักเก็บคาร์บอนได้ โดยเครือซีพี เข้าไปสร้างชุมชนต้นแบบในพื้นที่ชุมชนบ้านกองกาย ภายใต้โครงการศูนย์วิจัยบ้านกองกาย อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ สนับสนุนโรงแปรรูปกาแฟ เพิ่มมูลค่าผลผลิตสู่ผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างศูนย์พัฒนาชุมชนบ้านกองกาย ให้เป็นสถานที่เพื่อการเรียนรู้ พัฒนาทักษะเกษตรกร เป็นพื้นที่ต้นแบบหมู่บ้านฟื้นฟูป่า 100% นอกจากนี้ เครือซีพี ยังสำรวจความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ ใน จ.เชียงใหม่ ที่มีความสนใจการปลูกกาแฟ โดยเครือซีพี ได้สนับสนุน “กล้ากาแฟ” สายพันธุ์ดีที่เหมาะสม พร้อมทั้งองค์ความรู้วิธีการปลูก การดูแล รวมถึงการเก็บข้อมูลพื้นที่การเพาะปลูก เพื่อวัดผลความสำเร็จ โดยในปัจจุบัน ได้ช่วยเกษตรกรในหลายชุมชนให้ปรับเปลี่ยนอาชีพ ลดการเผา และสร้างรายได้ พร้อมทั้งเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่ จ.เชียงใหม่
นายสมพร บุญนิธิอุดม สมาชิกกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟตำบลแม่ลอง เล่าว่า การที่มีหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เข้ามาส่งเสริมในพื้นที่ ทำให้มีพืชทางเลือกใหม่ๆ อย่าง “กาแฟ” ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด และมีมูลค่าสูง อีกทั้งยังให้ความรู้ในการปลูก การแปรรูป มาตรฐานของตลาดกาแฟ และการขายให้แก่เกษตรกร ทำให้เกษตรกรให้ความสนใจ และเห็นประโยชน์ของป่ามากขึ้น โดยแต่เดิมปลูกข้าวโพดเป็นหลัก แต่เมื่อมีโอกาสได้ทำงานเพื่อพัฒนาชุมชนบ้านเกิดร่วมกับเครือซีพี ทำให้ตนเองเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยในปีนี้ ได้แบ่งพื้นที่มาปลูกกาแฟประมาณ 10 ไร่ และมุ่งหวังว่าจะสามารถสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงได้ พร้อมทั้งมีส่วนช่วยฟื้นฟูป่าในถิ่นฐานบ้านเกิดตนเองอีกด้วย
ทั้งนี้ เครือซีพี ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนงานด้านความยั่งยืน ในพื้นที่ภาคเหนือ ครอบคลุมแหล่งต้นน้ำสำคัญ โดยมีเป้าหมายในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการพัฒนาอาชีพอย่างมีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความยั่งยืน เพราะเชื่อว่า…“ปัญหาในเรื่องสิ่งแวดล้อมและหมอกวันไฟป่าในภาคเหนือ การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนนั้นต้องเริ่มจากชุมชน หากชุมชนมีความเข้มแข็ง มีอาชีพที่เหมาะสม มีรายได้ที่เพียงพอ ก็จะสามารถอยู่ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน”