เมื่อเร็วๆ นี้ หอการค้าไทย โดยคุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย จัดประชุมร่วม กับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัทใหญ่กว่า 40 บริษัท จากทุกกลุ่มธุรกิจของไทย ผ่านระบบประชุมทางไกล โดยมีคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ซีอีโอ เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยผู้บริหารของเครือฯ อาทิ บมจ์ ทรู คอร์ปอเรชั่น ,บจก.เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม (เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย) และบมจ. สยามแมคโคร เพื่อร่วมกันวางแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของภาคเอกชน รวมทั้งการจัดหาหาวัคซีนทางเลือกให้เพียงพอ สนับสนุนภาครัฐให้สามารถเปิดประเทศได้อย่างรวดเร็ว เพื่อความปลอดภัยและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้
CEO ที่เข้าร่วมการประชุม ได้แก่ บจก.น้ำตาลมิตรผล, บจก.ปูนซิเมนต์ไทย (SCG), บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น, บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์, บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ, บมจ.ซีแวลูกรุ๊ป, บจก.เซ็นทรัลพัฒนา,บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ,บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป, บมจ.ดุสิตธานี, บมจ.เดอะมอลล์ กรุ๊ป , บจก.โตชิบา ไทยแลนด์, บจก.ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอลอุตสาหกรรม, บจก.ไทยน้ำทิพย์,บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ,บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป, บมจ.ไทยวิวัฒน์ประกันภัย,ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ,• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน),• ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน),บมจ.บี.กริม เพาเวอร์, บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล, บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์,COSO Foods Thailand & Vietnam of Pepsi Cola (Thai) Trading Co., Ltd.
บจก.เมืองไทยประกันภัย, บจก.ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง, บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา,บจก.โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท, บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, บจก.ไลน์ ประเทศไทย, บจก.สยามพิวรรธน์, บจก.สิงห์ คอร์เปอเรชั่น , บจก.หลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์,บจก.เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม (เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย), บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น, บจก.ไอบีเอ็ม ประเทศไทย (IBM), บมจ.เอ็ม บี เค (MBK Group) , บจก.เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย),บจก.กูเกิล (ประเทศไทย), Kao Industrial (Thailand) Co., Ltd.,SIAM MAKRO PCL,Minor International PCL และ Nestle Indochina, Nestle
อย่างไรก็ตาม วัคซีนล็อตใหญ่ที่จะเริ่มเข้ามาตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ จะต้องมีการเตรียมตัว และวางแผนการกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้น การที่หอการค้าไทยและเครือข่ายภาคเอกชนสนับสนุนภาครัฐในการกระจายวัคซีนที่ภาครัฐจัดซื้อมา ทำให้เกิดประสิทธิภาพและทั่วถึงมากที่สุด โดยจะเริ่มที่ กทม.ก่อน เพื่อเป็นตัวอย่างให้จังหวัดอื่นๆ พร้อมสนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมในการเจรจาซื้อวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หอการค้าไทยตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2564 ต้องบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ 70% โดยบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าของ กทม. ต้องได้รับการฉีดทั้งหมด 100% ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ส่วนการฉีดวัคซีนสำหรับประชาชนทั่วไปในกรุงเทพฯ ต้องให้ได้อย่างน้อย 50,000 โดสต่อวัน โดยภาคเอกชนจะเข้ามาเสริมการทำงานของภาครัฐเพื่อให้ได้เป้าหมายดังกล่าว พร้อมกันนั้น จะจัดทำรูปแบบมาตรฐาน หรือรูปแบบตัวอย่างของภาคเอกชนที่สนับสนุนการฉีดวัคซีน ให้แก่จังหวัดอื่นๆ ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ และเชื่อมั่นว่า ภาคเอกชนสามารถใช้ความถนัด ความเชี่ยวชาญ และ ทรัพยากรของพวกเราเพื่อประเทศได้
แบ่งงานออกเป็น 4 ทีม เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ ในการดำเนินการร่วมกันระหว่างหอการค้า และภาคเอกชนได้แบ่งทีมการดำเนินงานออกเป็น 4 ทีม ดังนี้
TEAM A : Distribution and Logistics ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน ช่วยสนับสนุน สถานที่ บุคลากร อาสาสมัคร และอุปกรณ์ IT เช่น คอมพิวเตอร์ ปริ๊นเตอร์ เครื่องอ่านบัตรประชาชน ให้ กทม. เพิ่มจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ซึ่งตอนนี้ได้มีการเตรียมและไปลงพื้นที่สำรวจกับ กทม. แล้ว ในระยะแรก จำนวน 10 พื้นที่ใน กทม. ที่เอกชนจะนำร่อง เช่น กลุ่มเซ็นทรัล, SCG, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, เอเชียทีค, โลตัส, บิ๊กซี, ทรูดิจิตัลพาร์ค เป็นต้น โดยจะสรุปกับ กทม.ภายในวันที่ 27 เมษายนนี้ และในระยะถัดไปจะมีการหารือในการจัดทำหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของประชาชน
- TEAM B : Communicationทีมการสื่อสาร เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและมาฉีดวัคซีนในสถานที่ที่พร้อม เพราะปัจจุบันหลายคนยังไม่เข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีน หลายคนไม่ยอมฉีด ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ภาครัฐจะทำระบบ “หมอพร้อม” เสร็จสิ้นในเดือนนี้ ซึ่งจะสามารถระบุสถานที่ต่างๆ ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีน การจัดคิวการฉีดที่ไม่หนาแน่น หรือลำดับการฉีดที่เหมาะสม โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายบริษัท อาทิเช่น Google, LINE, Facebook, VGI และ Unilever เป็นต้น
- TEAM C : IT Operationทีมเทคโนโลยีและระบบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการลงทะเบียน ขั้นตอนในการฉีดที่รวดเร็ว และมีระบบการติดตามตัว พร้อมสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนได้ โดยมีหลายบริษัท นำทีมโดย IBM เข้ามาสำรวจและปรับปรุงกระบวนการ
- TEAM D : Extra Vaccine Procurementทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ร่วมกับภาครัฐและเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน โดยจะไปสำรวจความต้องการฉีดวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาล และทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น นำโดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งในวันนี้ได้มีการหารือกันแล้ว ประเมินว่ายังต้องการวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีก 30 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุม 70%
ของประชากรทั้งประเทศ
วัคซีนทางเลือก ได้แก่ วัคซีน Moderna และ Pfizer ประเทศสหรัฐอเมริกา วัคซีน Sinopharm และ CanSino Biologics ประเทศจีน วัคซีน COVAXIN จากบริษัท Bharat Biotech ประเทศอินเดีย และ วัคซีน Sputniประเทศรัสเซีย โดยภาคเอกชนยินดีที่จะจ่ายค่าวัคซีนให้แก่พนักงานของบริษัทรวมแล้วเกือบ 1 ล้านราย เพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาล
ที่มา : https://www.sanook.com