บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ CP All รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2563 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยพบว่ามีรายได้รวม 145,856 ล้านบาท เติบโต 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการเปิดสาขาใหม่ของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และ Makro สำหรับการระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบทางลบต่อรายได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และรุนแรงขึ้นในเดือนมีนาคม ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
มีกําไรขั้นต้นจากการขายและบริการ 31,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% ซึ่งมาจากการเติบโตในทุกธุรกิจ มีต้นทุนในการจัดจําหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร 27,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% มีกําไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 8,760 ล้านบาท ลดลง 0.8% สรุปแล้ว CP All มีกำไรสุทธิ 5,645 ล้านบาท ลดลง 2.2%
เจาะลึกไปยังธุรกิจหลัก พบว่า 7-Eleven มีการขยายสาขา 271 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2563 มีสาขารวมทั้งสิ้น 11,983 สาขา แบ่งเป็นร้านบริษัท 5,401 สาขา เพิ่มขึ้น 186 สาขา ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 6,582 สาขา เพิ่มขึ้น 85 สาขา
ไตรมาสนี้ 7-Eleven มีรายได้รวม 82,885 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 2,112 ล้านบาท หรือ 2.6% อย่างไรก็ตาม ยอดขายเฉลี่ยของร้านเดิมลดลง 4.0% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน 78,872 บาท ยอดซื้อต่อบิล 70 บาท และมีจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 1,122 คน โดยจํานวนลูกค้าลดลงเนื่องมาจากมาตรการควบคุมการระบาดของโรคจากรัฐบาล เช่น จํากัดการเดินทาง การขอความร่วมมือให้อยู่แต่ในที่พักอาศัย โดยสรุปมีกำไรสุทธิ 3,845 ล้านบาท ลดลง 4.5%
CP All แจ้งว่า ด้วยปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงมีอยู่และส่งผลกระทบในเชิงลบต่อรายได้และค่าใช้จ่าย รวมถึงมีความไม่แน่นอนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อการดําเนินธุรกิจของในอนาคต จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและควบคุมให้มีผลกระทบต่อธุรกิจให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ที่มา:The Standard