วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 – นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ให้เกียรติเป็นประธาน พร้อมด้วย นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล นายประจวบ โมฆะรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งที่ 7 นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) คุณวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย นายบรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมทะเลไทย และอีก 5 ชุมชน ในพื้นที่ ต.ทุ่งหว้า ต.นาทอน ต.ขอนคลาน และต.ทุ่งบุหลัง ร่วมงาน “ซีพี ร้อย รักษ์ โลก ฟื้นฟูหญ้าทะเล” ภายใต้โครงการซูเปอร์มาร์เก็ตชุมชนชาวประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง-สตูล เพื่อเพิ่มปริมาณหญ้าทะเล แก้ไขปัญหาหญ้าทะเลเสื่อมโทรมบริเวณอ่าวไม้ขาวให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้แก่พะยูน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย อนุบาลสัตว์น้ำ นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญ ถือเป็นหนึ่งในแหล่ง Blue Carbon ร่วมกับระบบนิเวศทางทะเลอื่นๆ พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้ความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลให้แก่ชุมชน สร้างสมดุลระบบนิเวศทะเลไทยยั่งยืน จัดขึ้น ณ บ้านท่าอ้อย ต.ทุ่งหว้า จ.สตูล
นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า เรื่องของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังคงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญ และบูรณาการความร่วมมือร่วมกัน โดยในเรื่องปัญหาหญ้าทะเลหนึ่งในแหล่งอาหารสำคัญของพะยูน กำลังเกิดวิกฤติเสื่อมโทรมอย่างหนักในหลายพื้นที่จากหลายปัจจัย โดยงานปลูกหญ้าทะเลในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนอย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ ภาคประชาสังคม และอีก 5 ชุมชน ในพื้นที่ ต.ทุ่งหว้า ต.นาทอน ต.ขอนคลาน และต.ทุ่งบุหลัง และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เร่งฟื้นฟูหญ้าทะเลบริเวณอ่าวไม้ขาวให้กลับมาสมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังใช้องค์ความรู้ด้านวิชาการผ่านงานวิจัยควบคู่กับการดูแลของชุมชน จะเป็นกุญแจสำคัญ นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จ สามารถค้นหาคำตอบและทางออกที่เหมาะสมในการจัดการพื้นที่ให้มีศักยภาพต่อไป
ทางด้าน นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า เครือซีพีผลักดันนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนทางทะเลในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านนโยบายแกนหลัก “SEACOSYSTEM เพื่อทะเลไทยที่ยั่งยืน” ที่จะบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยมีแผนงานที่สำคัญ คือ อนุรักษ์ ปกป้อง ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลให้ยั่งยืน ซึ่งในปีนี้ เครือซีพี ได้ขับเคลื่อนโครงการ ซูเปอร์มาร์เก็ตชุมชนชาวประมงพื้นบ้าน จังหวัดตรัง – สตูล โดยทำการประชาคมร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนโครงการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จนสามารถเป็นซูปเปอร์มาเก็ตของชุมชนแบบยั่งยืนได้ โดยกิจกรรมปลูก “หญ้าทะเล” บริเวณอ่าวไม้ขาว อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องหันมาร่วมกันแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมของหญ้าทะเล เพราะถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เป็นแหล่งอาหารของพะยูน พร้อมทั้งเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนได้ดีที่สุด มีพื้นที่น้อยกว่า 0.2 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่มหาสมุทรทั้งหมด แต่กลับกักเก็บคาร์บอนไว้ได้ถึงปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นหนึ่งในแหล่ง Blue Carbon ร่วมกับระบบนิเวศทางทะเลอื่นๆ โดยหวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้ จะช่วยให้หญ้าทะเลกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
นายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของทะเลไทย ถือเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญ เกือบ 2 ล้านตันต่อปี ถือว่าอุดมสมบูรณ์มากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ปัจจุบันเหลือ 1.2 ล้านตันต่อปี ซึ่งบ่งชี้ว่าคนไทยกำลังขาดผลผลิตทางทะเล ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจ และปากท้องของชางประมง ซึ่งดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของทะเลมาหลายตัวชี้วัด แต่ตัวที่ใกล้ชุมชนในฝั่งอันดามัน คือ หญ้าทะเลและสัตว์หายากอย่างพะยูน ซึ่งอาศัยอยู่ที่จ.ตรัง กว่า 100 ตัว แต่พบวิกฤตหญ้าทะเลได้เสื่อมโทรมและหายไปมากที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกมา ทำให้พะยูนบางส่วนอพยพมาที่ จ.สตูล ซึ่งเป็นเขตรอยต่อ ก็มีพะยูนขยายพื้นที่มาเพื่อหาอาหาร โดยในช่วง 1-2 เดือนทีผ่านมาพบพะยูนตาย 3-4 ตัว ในเขต จ.สตูล ไม่รวมจังหวัดอื่นๆ ซึ่งจากปัญหาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ ได้เลือกพื้นที่ที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นปากแม่น้ำทุ่งหว้า ซึ่งเป็นรอยต่อของ จ.สตูลและตรัง เป็นต้นกำเนิดของทรัพยากรและสิ่งมีชีวิตในทะเล ซึ่งยังมีความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ หากเติมหญ้าทะเล โอกาสที่จะเป็นกุญแจสำคัญทำให้ฟื้นกลับคืนมาสูง
นอกจากนี้ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยว่า ปัญหาพื้นที่หญ้าทะเลเสื่อมโทรมในพื้นที่ทะเลอันดามันมีความรุนแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากการสำรวจพะยูนในพื้นที่ จ.ตรัง เดิมมีอยู่จำนวนมากเกือบ 180 – 200 ตัว หายไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ จ.กระบี่ ไปจนถึง จ.ตรัง ขณะนี้มีอัตราการตายเฉลี่ย 35 ตัวต่อปี จากเดิมมีอัตราการตายเฉลี่ยอยู่ที่ 25 ตัวต่อปี อีกส่วนหนึ่งอพยพย้ายไปยังแหล่งอาหารในพื้นที่อื่น และสาเหตุที่หญ้าทะเลตายเป็นวงกว้าง เกี่ยวข้องกับสภาวะโลกเดือด โดยเฉพาะปลายปี 2566 – 2567 พบว่าระดับน้ำทะเลอันดามันลดต่ำกว่าปกติ ทำให้หญ้าทะเลต้องตากแดดนานกว่าปกติ ประกอบกับอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้หญ้าทะเลมีความอ่อนแอ ไม่สามารถเติบโตได้เต็มที่
ทั้งนี้ ภายในงานยังมีบูธให้ความรู้ต่างๆ อาทิ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ความรู้เกี่ยวกับหญ้าทะเล มูลนิธิอันดามัน ให้ความรู้เกี่ยวกับพะยูน มหาลัยราชมงคลศรีวิชัยตรัง มาให้ความรู้เรื่องการปลูกหญ้าทะเล โดยร่วมกันปลูกหญ้าทะเลและปล่อยปล่อยพันธุ์ลูกปูม้าระยะซูเอี้ย กว่า 5 แสนตัว นอกจากนี้ เครือซีพี ยังเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจในเครือฯ ได้แก่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) และบมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CP Axtra) ทั้งแม็คโคร (Makro) และโลตัส (Lotus’s) สนับสนุนการจัดงานด้วย โดยงานในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญที่ทุกภาคส่วน จะมีส่วนร่วมช่วยกันฟื้นฟูและดูแลหญ้าทะเลให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งปลูกฝังให้ชุมชนให้ความสำคัญกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จะทำให้เกิดความยั่งยืนทั้งคน สัตว์น้ำ พะยูน และทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลได้ในอนาคต