18 มิถุนายน 67 มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท จัดประชุมพิจารณาอนุมัติแผนงานและงบประมาณปีบริหาร 2567 นำโดย พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย คุณสุภกิต เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ และกรรมการมูลนิธิฯ อาทิ ดร.อาชว์ เตาลานนท์, คุณอดิเรก ศรีประทักษ์ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ ผู้บริหารระดับสูงของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวม 26 ท่าน ณ ห้องบอร์ดรูม ชั้น 34 อาคารทรู ทาวเวอร์ ถนนรัชดาภิเษก และเข้าร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบออนไลน์ (Zoom Meeting)
คุณจอมกิตติ ศิริกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เปิดเผยว่า ในปีนี้มูลนิธิฯ ได้ยกระดับกลยุทธ์การดำเนินงาน ในปี 2567 – 2569 มีเป้าหมาย “มุ่งสร้างคุณค่าและสร้างประโยชน์แก่สังคม พัฒนาคุณภาพชีวิตและความยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติ เศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม” โดยการประชุมในครั้งนี้ กรรมการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติแผนและงบประมาณประจำปีบริหาร 2567 จำนวน 10 โครงการ เพื่อดำเนินงานลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งทางด้านการศึกษา การเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ และเศรษฐกิจ การลดผลกระทบจากโลกร้อน ผ่านการดำเนินโครงการขับเคลื่อนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญในการรักษา ฟื้นฟูป่าไม้ และส่งเสริมการปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับคาร์บอน รวมถึงการสร้างคนดี มีคุณภาพให้กับสังคม นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังขยายความร่วมมือผนึกกำลังทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง อันจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้มูลนิธิฯ ได้บรรลุเป้าหมาย สร้างคุณค่าสู่สังคม และยังได้ดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs)
โดยในปีบริหาร 2567 มูลนิธิฯ มุ่งเน้นสนับสนุนต่อยอดโครงการตามแนวทางพระราชดำริ 10 โครงการ อย่างต่อเนื่อง เพื่อ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” โดยมี 9 พันธกิจ เพื่อเข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตในถิ่นทุรกันดาร ให้ประชาชน กลุ่มเปราะบาง ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตร เผยแพร่องค์ความรู้และสนับสนุนการปลูกพืชมูลค่าสูง นอกจากนี้ยังได้เข้าไปร่วมส่งเสริมการแปรรูปและผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน ให้มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของตลาด สร้างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองทางการตลาด ส่งเสริมด้านการศึกษา พัฒนาทักษะ ผู้นำคนรุ่นใหม่ ให้มีคุณธรรม และรู้คุณคน ทั้งนี้ยังมีการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการตลาดและช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีอาชีพและรายได้ โดยเป้าหมายสูงสุดคือ ต้องการให้ประชาชนมีรายได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินงานอีก 9 โครงการ ได้แก่ โครงการไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน,โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาในพระราชานุเคราะห์ฯ, โครงการพัฒนาอาชีพด้านการบริบาล, โครงการครอบครัวอุปการะในชุมชนวัฒนธรรม, โครงการเกษตรผสมผสานตามแนวพระราชดำริ จ.บุรีรัมย์, โครงการพัฒนาอาชีพตามดำริ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จ.สงขลา, โครงการ “อมก๋อยโมเดล” จ.เชียงใหม่ และโครงการ “ทะเลสาบสงขลายั่งยืน” จ.สงขลา
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษ มูลนิธิฯ ได้ขับเคลื่อนดำเนินงานตอบแทนคุณแผ่นดิน และส่งมอบคุณค่าทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารได้เข้าถึงความมั่นคงทางด้านอาหารและโภชนาการ 213,794 คน ผลิตไข่ไก่เพื่อบริโภคไปแล้วกว่า 26.2 ล้านฟอง ผ่านโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน อีกทั้งยังปกป้องฟื้นฟูระบบนิเวศและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีต้นไม้ที่ปลูกและได้รับการดูแลแล้วกว่า 133,940 ต้น ภายใต้การดำเนินงานโครงการ “อมก๋อยโมเดล” จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้มีเกษตรกร ประชาชน และกลุ่มเปราะบาง ที่ได้รับประโยชน์จากทั้งทางตรงและทางอ้อม ในการขับเคลื่อนงานมูลนิธิฯ แล้วจำนวนกว่า 72,000 คน โดยได้รับความร่วมมือจากกลุ่มธุรกิจในเครือซีพี ได้แก่ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (CPG), บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ( CPF), บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน), บริษัท เจียไต๋ จำกัด และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อให้เกิดเป็นความยั่งยืนต่อประเทศชาติต่อไป