เครือซีพี – มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท จับมือ กระทรวงพม. เดินหน้าต่อเนื่อง มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสเข้าถึงกลุ่มเปราะบาง หนุนสร้างสังคมยั่งยืน

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กรรมการเเละเลขาธิการ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เข้าหารือร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำโดย นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ อาทิ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการผู้พิการและผู้สูงวัย โดยหารือแผนบูรณาการแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ ณ ห้องประชุมวังสะพานขาว ชั้น 18 อาคารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กรรมการเเละเลขาธิการ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ในการหารือครั้งนี้ว่า มูลนิธิฯ มุ่งยกระดับแผนการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายการขับเคลื่อนดำเนินงานด้านพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เข้าถึงกลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มเปราะบาง ผู้พิการ และผู้สูงอายุ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงโครงการด้านการพัฒนาต่าง ๆ ที่มูลนิธิฯ ได้ดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 4 ทศวรรษ และหลายโครงการมีความสอดคล้องและเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงร่วมหารือเเนวทางบูรณาการความร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์อันสูงสุดต่อประชาชน และประเทศชาติ อันสอดคล้องกับการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ภายใต้ค่านิยมองค์กรที่ปลูกฝังให้พนักงานในเครือฯ มีความกตัญญู สร้างประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติ

ที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้มีโครงการที่ผนึกกำลังร่วมกับกรมกิจการเด็กและเยาวชนขับเคลื่อนงานด้านพัฒนาเด็กและเยาวชนแล้ว ภายใต้โครงการครอบครัวอุปการะในชุมชนวัฒนธรรม มาตั้งแต่ปี 2545 โดยการรับเด็กกำพร้าจากสถานรองรับภายใต้กรมกิจการเด็กและเยาวชน คือ สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านบางละมุง สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิต สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท และสถานสงเคราะห์เอกชน คือ สหทัยมูลนิธิ มาเลี้ยงดูในครอบครัวเกษตรกรพื้นที่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ โดยต่อมาในปี 2563 มูลนิธิฯ ได้ขยายพื้นที่การดูแลเด็กอุปการะภายใต้ครอบครัวอุปถัมภ์ ร่วมกับอีก 4 สถานรองรับ ได้แก่ สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแคนทอง สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กขอนแก่น สถานสงเคราะห์เด็กหญิงอุดรธานี และสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านหนองคาย ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กกำพร้าในสังคมไทยได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักเสมือนพ่อแม่แท้ ๆ ทำให้เด็กกำพร้าได้อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น พร้อมเติบโตมาเป็นคนดีในสังคม สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ที่มุ่งสร้างเด็กและเยาวชนให้เติบโตไปเป็นคนดี คนเก่ง สร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ

ด้าน นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้แนวทางการขับเคลื่อนงานร่วมกันว่า “เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ภาคธุรกิจกับภาครัฐต้องหารือร่วมกันเพื่อวิเคราะห์หาโครงการที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนและเป็นรูปธรรม โดยเริ่มต้นจากโครงการของมูลนิธิฯ ที่ดำเนินการอยู่แล้ว โดยกระทรวง พม. จะดำเนินการจัดเตรียมพื้นที่ เตรียมบุคลากร เพื่อต่อยอดโครงการให้มีความเข้มแข็ง รวมถึงต้องให้ความสำคัญในการสื่อสารทั้งจากทั้งสองภาคส่วน เพื่อให้เกิดการรับรู้เป็นวงกว้างในสังคม โดยมุ่งเน้นขับเคลื่อนงานภายใต้นโยบายของกระทรวง พม. ยุทธศาสตร์ 5 x 5 ฝ่าวิกฤตประชากร เพื่อการขับเคลื่อนประเทศ ทั้งกลุ่มวัยทำงาน กลุ่มเด็ก และเยาวชน (เน้นการยกระดับศูนย์เด็กเล็ก 50,000 กว่าศูนย์) กลุ่มผู้สูงอายุ (เน้นงานบริบาล) กลุ่มคนพิการ (เน้นการจ้างงานคนพิการและอารยะสถาปัตย์) และกลุ่มระบบนิเวศเพื่อความมั่นคงของครอบครัว และหาแนวทางร่วมกันแก้ไขปัญหาของประเทศ”