เมื่อเร็วๆนี้ คุณจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) วิกฤต COVID-19 จะทำให้แรงงานมีความเสี่ยงถูกเลิกจ้างทั้งสิ้น 8.4 ล้านคน ทั้งแรงงานในภาคการท่องเที่ยว แรงงานในภาคอุตสาหกรรม และการจ้างงานในภาคบริการอื่น
โดยแรงงานที่ตกงานบางส่วนจะเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนาของตนเอง เครือซีพีตระหนักถึงปัญหาของผู้ถูกเลิกจ้างงานที่แม้กลับภูมิลำเนาก็จะยังไม่มีรายได้ เนื่องจากมีแรงงานภาคการเกษตรรอทำงานเต็มตามฤดูกาลอยู่ จึงจัดตั้ง “ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ฟื้นฟูป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียว” ขึ้นที่ บ้านแม่วาก ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เพื่อรับผู้ตกงานจากผลกระทบโควิด-19 เข้ามาทำงานเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยศูนย์เพาะชำกล้าไม้ฯ นี้ประกอบไปด้วยโรงเรือนเพาะชำกล้าพันธุ์ไม้จำนวน 4 โรงเรือน สามารถเพาะชำกล้าไม้ระยะสั้นและระยะยาวรวม 102,500 กล้า/รอบ ประกอบด้วยการเพาะกล้าพืชผักระยะสั้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายครัวเรือน ไม้เพื่อการฟื้นฟูป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียว ไม้ผลและพืชเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เป็นต้น
ในอนาคตกล้าไม้ที่เกิดจากการเพาะนี้สมบูรณ์ จะถูกแจกจ่ายไปยัง 7 ชุมชนของทุกตำบลใน อ.แม่แจ่ม และหากโครงการฯนี้แล้วเสร็จ “ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ฟื้นฟูป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียว” แห่งนี้ จะถูกส่งมอบต่อให้กับศูนย์วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ บ้านแม่วาก ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นจุดเพาะชำกล้าผักเกษตรอินทรีย์ของชุมชนต่อไป