ในภาวะปัจจุบันซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ ผู้ลงทุนต่างแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งจะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรองรับความเสี่ยงของผู้ลงทุนแต่ละคน สำหรับผู้ลงทุนที่ไม่นิยมความเสี่ยงที่สูงนัก การลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ผู้บริหารออลล์ ออนไลน์ และเซเว่น อีเลฟเว่น และ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กำลังจะเสนอขายหุ้นกู้รวม 4 ชุด โดยชุดที่ 1 อายุ 4 ปี 9 เดือน 1 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นกู้เดิม (ที่เป็นบุคคลธรรมดา) ของบริษัท ซีพี ออลล์ ระหว่างวันที่ 21 – 22 กันยายน 2563 และเสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป วันที่ 24 – 25 และ 28 กันยายน 2563
สำหรับหุ้นกู้ชุดที่ 2, 3 และ 4 เสนอขายให้กับผู้ลงทุนรายใหญ่ และผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 24 – 25 และ 28 กันยายน 2563 โดยมีอัตราดอกเบี้ยดังนี้
ชุดที่ 2 : อายุ 2 ปี 5 เดือน 17 วัน อัตราดอกเบี้ย 1.90% ต่อปี
ชุดที่ 3 : อายุ 9 ปี 7 เดือน 14 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.40% ต่อปี
ชุดที่ 4 : อายุ 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.90% ต่อปี
หุ้นกู้ซีพี ออลล์ นี้ ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA-” ขณะที่อันดับเครดิตองค์กรอยู่ที่ระดับ “AA-” แนวโน้มเครดิตพินิจ “ลบ” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 โดยทริสระบุว่า อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัท และการเป็นผู้นำธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศไทย ตลอดจนลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การมีเครือข่ายสาขาที่แข็งแกร่งและครอบคลุมทั่วประเทศ
ซีพี ออลล์ ไม่ได้มีเพียงธุรกิจบริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่เรารู้จักกันดีเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้บริหารออลล์ ออนไลน์ (All Online) ที่มีสโลแกนว่า “สะดวกครบ จบที่เดียว” เพื่อรองรับลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่ สะดวกทุกการซื้อสินค้า สะดวกทุกบริการ สะดวกทุกที่ และสะดวกทุกเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าที่มีมากกว่า 14 ล้านคนต่อวัน
นอกจากนี้ ซีพี ออลล์ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบชำระเงินสดและบริการตนเองที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มโฮเรก้า ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และผู้ประกอบธุรกิจบริการต่างๆ
ปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจหลักของซีพี ออลล์ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจค้าส่ง และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น รับชำระค่าบริการต่างๆ, เป็นตัวแทนธนาคารให้บริการรับฝาก-ถอน โอนเงิน, การผลิตและจัดจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทานและเบเกอรี่, การจำหน่ายสินค้าและอุปกรณ์สำหรับธุรกิจค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อครบวงจร, การให้บริการด้านบริหารคลังสินค้าและโลจิสติกส์, ธุรกิจให้บริการสั่ง การจ่าย การรับสินค้า และบริการผ่านช่องทางที่หลากหลายด้วยรูปแบบ O2O รองรับความต้องการของผู้บริโภคทุกที่ ทุกเวลา, ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพให้กับชุมชน รวมถึงการก่อตั้งสถาบันการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษาและอุดมศึกษาเพื่อสังคม
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ร้าน 7-Eleven ในประเทศไทย มีอยู่ 12,089 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่ซีพี ออลล์ ลงทุนเองประมาณ 45% และอีก 55% เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ นั่นหมายความว่า ผู้ประกอบการค้าปลีกทั่วไปจำนวนหลายพันราย ได้มีโอกาสร่วมธุรกิจกับแบรนด์ร้านสะดวกซื้อที่มีมาตรฐานสูงอย่าง 7-Eleven และร่วมเติบโตไปด้วยกัน นอกจากนี้ สินค้าที่ขายใน 7-Eleven ซึ่งมีอย่างหลากหลายนั้น มาจากกลุ่มซีพีประมาณ 10% ที่เหลือเป็นสินค้าจากคู่ค้าต่างๆ ดังนั้น 7-Eleven จึงเป็นช่องทางการขายที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตสินค้าและผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งรายใหญ่และรายย่อย
และด้วยจำนวนสาขากว่า 12,000 สาขา ต้องจ้างพนักงานกว่า 170,000 คน ซีพี ออลล์ จึงเป็นหนึ่งในองค์กรที่ก่อให้เกิดการจ้างงานมากที่สุดในประเทศไทย
การระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นกู้ของซีพี ออลล์ ในครั้งนี้ จึงเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้ “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” ตามปณิธานของซีพี ออลล์
ผู้ที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ซีพี ออลล์ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th และติดต่อผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โทร. 1333 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784 บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-305-9442
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ