เฟดลดดอกเบี้ยตามคาด 0.25% แต่ปีหน้าหั่นน้อยลงเหลือแค่ 2 ครั้ง / อุตสาหกรรม ‘รถอีวี’ สะเทือนหนัก ‘ทรัมป์’ จ่อรื้อนโยบายตัดงบอุดหนุน / แบงก์ชาติ ‘คงดอกเบี้ย’ เพื่อเก็บกระสุน รองรับความเสี่ยงที่อาจสูงขึ้นในอนาคต

ทันทุกข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจการลงทุน กับ CP Business Watch
สำนักเศรษฐกิจและการลงทุนของเครือฯ (Economic and Investment Center) ขอนำเสนอ ข่าว บทความ และบทวิเคราะห์เชิงลึกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริหารและพนักงานในเครือฯ เพื่อเสริมการตัดสินใจด้านธุรกิจและการลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และการลงทุน เพื่อใช้ประกอบการวางแผนกลยุทธ

เศรษฐกิจสหรัฐฯ

เฟดลดดอกเบี้ยตามคาด 0.25% แต่ปีหน้าหั่นน้อยลงเหลือแค่ 2 ครั้ง

  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด ครั้งสุดท้ายของปีวันที่ 18 ธ.ค.2567 ด้วยมติ 11 ต่อ 1 เสียง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.25%-4.5% จากการลดดอกเบี้ยไปทั้งหมด 3 ครั้งติดต่อกัน รวม 1.0% ในปีนี้
  • อย่างไรก็ตาม “เจอโรม พาวเวล” ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณถึงทิศทางดอกเบี้ยในปี 2568 ว่า เฟดจะชะลอการลดดอกเบี้ยในปีหน้าออกไป โดยการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคตจะขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการลดอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง
  • ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายเริ่มตระหนักถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ภายใต้รัฐบาลว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้ามาบริหารในปีหน้า
  • อย่างไรก็ตาม พาวเวลกล่าวเสริมว่าอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นข้อจำกัดต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่าง
    “มีนัยสำคัญ” และเฟด “ก็ยังอยู่ในเส้นทางที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป” เพียงแต่จะต้องเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อเสียก่อน จึงจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ (กรุงเทพธุรกิจ)

ยานยนต์ไฟฟ้า

อุตสาหกรรมรถอีวีสะเทือนหนักทรัมป์จ่อรื้อนโยบายตัดงบอุดหนุน

  • สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานอ้างเอกสารที่ได้รับมาว่า ทีมงานเปลี่ยนผ่านของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับนโยบายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ครั้งใหญ่ในสหรัฐ
    โดยจะตัดการสนับสนุนรถยนต์อีวี และสถานีชาร์จ และจะเสริมมาตรการ “ปิดกั้น” การนำเข้ารถยนต์ ชิ้นส่วน และวัสดุแบตเตอรี่จาก “จีน” ให้มากขึ้น เพื่อสร้างห่วงโซ่แบตเตอรี่ที่ปลอดจากจีน
  • ทว่านอกจากจะปิดกั้นจีนแล้ว ทีมงานเปลี่ยนผ่านของทรัมป์ ยังแนะนำให้มีการ “ขึ้นภาษีศุลกากรกับวัสดุแบตเตอรี่จากทั่วโลก” ด้วย เพื่อหันมากระตุ้นการผลิตของสหรัฐแทน จากนั้นจึงจะเจรจาเพื่อยกเว้นภาษีให้กับประเทศพันธมิตร เป็นกรณีๆ ไป
  • เสนอให้ยกเลิกนโยบาย “เครดิตคืนเงินภาษี 7,500 ดอลลาร์” ของรัฐบาลไบเดน สำหรับการซื้อรถอีวีสำหรับผู้บริโภค ทำให้ข้อเสนอนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อยอดขายและการผลิตรถอีวีในสหรัฐ
  • ทีมเปลี่ยนผ่านยังเสนอให้โยกงบที่เหลือจากโครงการสนับสนุนการสร้างสถานีชาร์จรถอีวีมูลค่า 7,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.56 แสนล้านบาท) ไปทำโครงการสกัดวัตถุดิบผลิตแบตเตอรี่ รวมถึง “ห่วงโซ่อุปทานด้านการป้องกันประเทศ และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ” แทน (กรุงเทพธุรกิจ)

เศรษฐกิจไทย

แบงก์ชาติคงดอกเบี้ยเพื่อเก็บกระสุน รองรับความเสี่ยงที่อาจสูงขึ้นในอนาคต

  • วันที่ 18 ธ.ค. สักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ กนง. กล่าวในงานแถลงข่าว หลังจาก กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ต่อปี เนื่องจาก คณะกรรมการฯ มองว่าความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้ามีค่อนข้างสูง
  • คณะกรรมการฯ ยังเห็นว่าในระยะสั้นเศรษฐกิจยังไปได้ หลังเห็นตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 และตัวเลขส่งออกนั้นออกมาค่อนข้างดี โดย ธปท. มองว่าเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ทั้งในไตรมาสนี้และไตรมาสหน้า
  • พร้อมทั้งยืนยันอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 2.25% เป็นกลาง (Neutral Rate) กล่าวคือไม่ได้กระตุ้นและไม่ได้ฉุดรั้งเศรษฐกิจ และคณะกรรมการฯ ยังค่อนข้างเปิดกว้าง (Open) และพร้อมพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยหากมีความจำเป็นหรือหากเห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจมีปัญหาชัดเจน
  • โดยในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า “ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูงจากหลายปัจจัย เช่น ทิศทางนโยบายการค้าโลก นโยบายการเงินจากประเทศเศรษฐกิจหลัก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และผลกระทบของคุณภาพสินเชื่อต่อภาวะการเงินและเศรษฐกิจโดยรวม” (เดอะสแตนดาร์ด)