หนี้ทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2023 ไทยสูงใกล้ 3 เท่าของ GDP / กลยุทธ์ ‘โดดเดี่ยวจีน’ เห็นผล FDI โตต่ำสุดรอบ 30 ปี / “คลัง” งัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สั่งรัฐวิสาหกิจ เร่งลงทุน 2.4 แสนล้าน

ทันทุกข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจการลงทุน กับ CP Business Watch
สำนักเศรษฐกิจและการลงทุนของเครือฯ (Economic and Investment Center) ขอนำเสนอ ข่าว บทความ และบทวิเคราะห์เชิงลึกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้บริหารและพนักงานในเครือฯ เพื่อเสริมการตัดสินใจด้านธุรกิจและการลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และการลงทุน เพื่อใช้ประกอบการวางแผนกลยุทธ

เศรษฐกิจโลก

หนี้ทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2023 ไทยสูงใกล้ 3 เท่าของ GDP

  • สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) เปิดเผยรายงาน Global Debt Monitor ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 โดยระบุว่าในปี 2023 ยอดรวมหนี้ทั่วโลก (ทุกภาคส่วน ทั้งภาคครัวเรือน เอกชน และรัฐบาล) พุ่งสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 313 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปีเดียว
  • สำหรับสัดส่วนหนี้ต่อ GDP โลกในปี 2023 ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว แต่ก็ชะลอตัวอย่างมากในปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากการลดลงของสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ในประเทศพัฒนาแล้วหลายแห่ง
  • ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) กลับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) ในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 255% ต่อ GDP
  • สำหรับสถานการณ์หนี้ไทย IIF แสดงให้เห็นว่าหนี้ต่อ GDP ของไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 อยู่ที่ 264.8% ต่อ GDP เป็น หนี้ครัวเรือนที่ 91.6% หนี้บริษัทเอกชนที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ 86.2% หนี้รัฐบาลที่ 54.2% (หนี้รัฐบาลในความหมายของ IIF ไม่รวมหนี้รัฐวิสาหกิจ) หนี้ภาคการเงินที่ 32.8% โดยไทยสูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศตลาดเกิดใหม่  และสูงที่สุดในอาเซียน (เดอะสแตนดาร์ด)

เศรษฐกิจจีน

กลยุทธ์โดดเดี่ยวจีนเห็นผล FDI โตต่ำสุดรอบ 30 ปี

  • หนึ่งในกระแสเศรษฐกิจโลกที่มาแรง ในช่วง 1-2 ปีมานี้ก็คือ กระแสการลดความเสี่ยงจากจีน และการแยกตัวออกจากจีน (Decoupling) ที่เริ่มจากฝั่งสหรัฐ และขยายไปถึงประเทศพันธมิตรของสหรัฐด้วย
  • จีนมีปริมาณเอฟดีไอในหลัก 1 แสนล้านดอลลาร์ ขึ้นไปมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา จนขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 3.44 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2021
  • แต่ในปี 2023 เม็ดเงินการลงทุนจากข้อมูลของสำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) กลับซบเซาลงหนักเหลือเพียง 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนหน้าถึง 82% และยังเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี ที่เม็ดเงินลงทุนตรงของต่างชาติในจีนไม่ถึงหลักแสนล้าน
  • บลูมเบิร์ก ระบุว่าความพยายามของรัฐบาลปักกิ่งที่จะดึงดูดบริษัทต่างชาติให้กลับเข้ามาอีกครั้งหลังโควิดคลี่คลายนั้นยังไม่ได้รับการตอบรับที่ดีพอ ตัวเลขเอฟดีไอที่อ่อนแอตอกย้ำถึงการที่บริษัทต่างชาติกำลังดึงเงินออกจากจีน เนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และไปตามอัตราดอกเบี้ยในประเทศอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า (กรุงเทพธุรกิจ)

เศรษฐกิจไทย

คลังงัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สั่งรัฐวิสาหกิจ เร่งลงทุน 2.4 แสนล้าน

  • งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ล่าช้า ทำให้ประเทศขาดแรงผลักทางการคลัง โดยรัฐวิสาหกิจเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ เพราะมีกรอบงบลงทุนถึงกว่า 240,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจึงออกมาตรการให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการ ดังนี้
  • 1.กำหนดเป้าหมายเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจให้ไม่น้อยกว่า 95% และให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด รวมถึงให้รัฐวิสาหกิจพิจารณากำหนดเป้าหมายดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดของผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ
  • 2. ให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดการลงทุนที่ลงนามในสัญญาแล้ว รวมถึงเร่งลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. 2567 สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้เงินงบประมาณในการลงทุน ให้เตรียมความพร้อมเพื่อให้ลงนามในสัญญาได้ทันทีเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณ
  • 3. ให้รัฐวิสาหกิจปรับแผนการเบิกจ่าย โดยเพิ่มการเบิกจ่ายในช่วงเดือน ม.ค. 2567 – มิ.ย. 2567 (Front-Loaded) และหลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของเบิกจ่ายงบลงทุนในไตรมาสสุดท้าย
  • 4. ให้รัฐวิสาหกิจปีปฏิทินปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปี 2567 ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสแรก และรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณที่ยังปรับปรุงไม่แล้วเสร็จ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. 2567 (กรุงเทพธุรกิจ)