บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน)หรือ ซีพีเอฟ ได้รับรางวัลรายงานความยั่งยืนระดับเหรียญทอง 2 รางวัล ด้านการรายงานความโปรงใสในห่วงโซ่อุปทานและด้านผลกระทบต่อชุมชนและการช่วยเหลือสังคม และรางวัลเหรียญเงิน การรายงานเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและการลดผลกระทบ ตอกย้ำความโปรงใสและความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
คุณวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ ส่งรายงานความยั่งยืนเข้าชิงรางวัลและเป็นเกียรติกับบริษัทฯอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ บริษัทฯมุ่งมั่นผลิตอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ปลอดภัย และมีคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ขณะเดียวยังทำงานร่วมกับคู่ค้าธุรกิจและชุมชนในการขับเคลื่อนสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน
โดย ซีพีเอฟ ขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทางการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อเนื่องควบคู่กับคู่ค้าธุรกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืนคือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตนและดินน้ำป่า คงอยู่ ตลอดจนต้องการนำเสนอผลการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคนในรายงานความยั่งยืนอย่างเหมาะสม โปรงใส ด้วยความรับผิดชอบ” นายวุฒิชัย กล่าวและเสริมว่า ความสำเร็จด้านความยั่งยืนของบริษัทฯยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) 11 เป้าหมาย จากทั้งหมด 17 เป้าหมาย
รายงานความยั่งยืนปี 2562 ของ ซีพีเอฟ ได้รับรางวัล 3 รางวัล ได้แก่ Gold class (ที่ 1) ประเภท Asia’s Best Supply Chain Reporting ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับการรายงานและสื่อสารด้านห่วงโซ่อุปทานอย่างโปร่งใสและรายงานการดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงภายในห่วงโซอุปทานอย่างดีเยี่ยม
โดยรางวัล Gold class (ที่ 1) ประเภท Asia’s Best Community Reporting ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับการรายงานและสื่อสารด้านการดำเนินงานกับชุมชน สามารถรายงานผลกระทบต่อชุมชนและผลจากการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างดีเยี่ยม และรางวัล Silver class (ที่ 2) ประเภท Asia’s Best Environmental Reporting เป็นรางวัลสำหรับการรายงานและสื่อสารด้านสิ่งแวดล้อมที่มีเป้าหมายและผลการดำเนินงานที่ชัดเจน รวมถึงสามารถรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของบริษัทในประเด็นที่สำคัญได้อย่างดี
ทั้งนี้ ซีพีเอฟ เป็น 1 ใน 461 ฉบับรายงานความยั่งยืนจาก 16 ประเทศในเอเซียที่มีการส่งเข้าประกวดผลงาน และ ASRA ได้คัดเลือกผู้เข้ารอบเหลือ 80 บริษัท จาก 13 ประเทศ เพื่อเข้ารับรางวัลใน 19 สาขา ในปีนี้มีเหตุการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้มีการเลื่อนการประกาศผลออกมาในรูปแบบของการถ่ายทอดสดแบบ Live Broadcasting จากประเทศสิงคโปร์ ในงานนี้ มีนักธุรกิจชั้นนำกว่า 200 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนจาก 15 ประเทศ ร่วมในรับชมการถ่ายทอดครั้งนี้
ในภาวะวิกฤตโรคระบาดขณะนี้ ที่นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินงานอย่างยั่งยืนของบริษัท ต่างๆ ซึ่งรายงานความยั่งยืนจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารและรายงานการบริหารงานขององค์กรด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อสังคม ความเสี่ยง และโอกาสในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี
คุณราเจส ชาบารา กรรมการผู้จัดการ CSRWorks International และเป็นผู้ก่อตั้ง ASRA กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 เป็นสัญาณเตือนสำหรับธุรกิจ รัฐบาล และสังคม ให้ร่วมมือกันสร้างแนวทางการทำงานแบบยืดหยุ่นร่วมกัน ด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล อันจะเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร รางวัลที่ซีพีเอฟ ได้รับในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯมีความเป็นผู้นำการรายงานด้านความยั่งยืน ตลอดจนความมุ่งมั่นของบริษัทฯในการสร้างคุณค่าในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้เสีย
สำหรับ ASRA เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับที่สุดด้านการรายงานความยั่งยืน และมีการยกระดับคุณภาพของรายงานอย่างแท้จริง เพื่อสนับสนุนความสามารถการแข่งขันของบริษัทในเอเซียให้มีความแข่งแกร่ง
Cr:Pr CPF