ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ก.พ.64 ปิดที่ 1,514.91 จุด ลดลง8.20จุด มีมูลค่าซื้อขาย 96,456.06 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,645.95ล้านบาท
หุ้นไทยชะลอตัวตามแรงขายในหุ้นรายกลุ่มรายตัว โดยเฉพาะแรงขายทำกำไรหุ้น OR กดดันตลาดในภาพรวม
ขณะที่ หุ้น CPF เริ่มขยับตัว หลังหุ้นบริษัทลูก CPP ในตลาดหุ้นฮ่องกงช่วง 1-2 เดือนนี้ ราคาพุ่งขึ้นกว่า 30% มาแตะที่ระดับกว่า 1 ดอลลาร์ฮ่องกงแล้วสะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุน หลังคาดการณ์ธุรกิจมีผลประกอบการดี จากราคาสุกรในจีนและเวียดนามที่สูงขึ้นตลอดปี 63 โดยทั้ง 2ประเทศเกิดภาวะขาดแคลนสุกรอย่างหนักจากโรคระบาด ASF ขณะที่ CPPสามารถป้องกัน ASF ได้เบ็ดเสร็จ ส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่งผลบวกมาถึงบริษัทแม่อย่าง บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF)ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน CPP ทั้งทางตรงและทางอ้อมมากกว่า 50% ทั้งนี้CPPทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ทั้งอุตสาหกรรมอาหารสัตว์อุตสาหกรรมสุกร ไก่เนื้อ และกุ้ง โดยเป็นผู้นำอันดับ 1 ในเวียดนาม และยังติดTop5ในจีน
ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 และโรคระบาดสัตว์ ASF นั้นCPF ได้รับการยอมรับถึงประสิทธิภาพและมาตรฐานการป้องกันโรค ซึ่งได้กลายเป็นต้นแบบให้ธุรกิจในทุกประเทศของ CPF นำไปดำเนินการต่อ ส่งผลให้การดำเนินงานในภาพรวมของทุกประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น
ขณะที่ CPF ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารของไทยที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก ทั้งกระบวนการผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์ ล่าสุดหุ้นCPF ปิดที่ 28 บาท บวก 0.75 บาท
ขณะที่หลายสำนักวิเคราะห์ยังคงแนะให้ “ซื้อ” โดย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 49.50 บาท ตามด้วยเมย์แบงก์ กิมเอ็งให้เป้าหมาย 44.50 บาท ทรีนีตี้ให้เป้าหมาย 43 บาท
ส่วนกรุงศรีให้เป้าหมาย 42.20 บาท บัวหลวง ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 40 บาท และทิสโก้แนะ “ซื้อ” ให้มูลค่าที่เหมาะสม 38 บาทด้านฟิลลิปให้ราคาพื้นฐาน 37 บาท และซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีให้ราคาเป้าหมาย34บาท
มีเพียง บล.ยูโอบีเคย์เฮียนที่แนะนำ “ถือ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 28.75 บาท!!
Cr.Thairath