คุณณฤกษ์ มางเขียว รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ซีพีเอฟ กล่าวว่า ไส้กรอกนับเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของคนไทย ในฐานะผู้นำด้านการผลิตอาหารแบบครบวงจร ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการผลิตไส้กรอกคุณภาพ ปลอดภัย ให้ความใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภคเป็นอันดับสูงสุด นำจุดแข็งของการเป็นผู้ผลิตครบวงจร ช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่อาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงงานผลิต บรรจุภัณฑ์ จนถึงการขนส่ง พร้อมทั้งประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัยทั้งระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และดิจิทัล เพื่อให้มั่นใจไส้กรอก CP ปลอดภัย ปลอดสาร สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งผลิตวัตถุดิบภายใต้การควบคุมและตรวจสอบของกรมปศุสัตว์ตามมาตรฐานการส่งออก และได้มาตรฐานอาหารปลอดภัยของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ซีพีเอฟ ผลิตไส้กรอกด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน ใช้วัตถุดิบเนื้อสัตว์คุณภาพดีเต็มชิ้น ปราศจากสารเร่งเนื้อแดง ไม่มีฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต 100% ไม่ผสมแป้ง ผลิตด้วยระบบสายพานอัตโนมัติแบบต่อเนื่องตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบจนถึงคลังจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาช่วยบริหารวัตถุดิบเนื้อสัตว์ที่แม่นยำ และจัดการสินค้าในคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งแรกในเอเชีย ใช้การระบุข้อมูลและติดตามด้วยระบบ RFID (Radio-Frequency Identification) ตลอดกระบวนการผลิต มีการควบคุมอุณหภูมิความเย็นตลอดกระบวนการผลิตไส้กรอกให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเก็บรักษาไส้กรอก 0-4 องศาเซลเซียสเพื่อช่วยรักษาผลิตภัณฑ์ให้สด สะอาด และเลือกใช้บรรจุภัณฑ์พิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุกันเสีย
ที่สำคัญ ซีพีเอฟ ยังนำนวัตกรรม “ระบบรมควัน” ที่มีเทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิและระบบเผาไหม้ที่สมบูรณ์ สามารถดักแยกสารทาร์ (TARS) ซึ่งมีองค์ประกอบของสารก่อนมะเร็งออกจากไส้กรอกให้ควันคุณภาพที่สะอาด สมบูรณ์และส่งผลต่อกลิ่น สี และรสชาติของไส้กรอกน่ารับประทาน จึงสามารถยืนยันได้ว่า ไส้กรอก CP ไม่มีสารทาร์ และสารตกค้างอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
“ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าไส้กรอก CP ที่วางจำหน่ายอยู่ในตลาด ผ่านการตรวจจับการปนเปื้อนโลหะ และการตรวจวัดปริมาณส่วนผสมที่สำคัญในห้องปฏิบัติการอย่างเข้มงวด มีส่วนผสมตามมาตรฐานของ อย. ไม่มีส่วนผสมของดินประสิว สารไนเทรต หรือส่วนผสมต้องห้ามอื่นๆ รวมทั้งใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นวัสดุเฉพาะสามารถรักษาคุณภาพไส้กรอกตลอดอายุการเก็บรักษา มีการระบุข้อมูลที่จำเป็นสำหรับผู้บริโภคอย่างชัดเจนและโปร่งใส ทั้งเลขสารบบอาหาร วัน/เดือน/ปี ผลิตและวันหมดอายุ รวมถึงสถานที่ผลิต และมี QR Code ช่วยให้ผู้บริโภคตรวจสอบย้อนกลับได้” คุณณฤกษ์กล่าว
ไส้กรอก CP ใช้ส่วนผสมที่ อย. อนุญาตให้ใช้ได้เท่านั้น เราจึงมีการใช้โซเดียมไนไทรต์ ซึ่งเป็นคนละตัวกับดินประสิวและไนเทรต โดยใช้ในปริมาณที่ต่ำกว่า อย. กำหนดซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานขององค์กรสากล อย่างองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และองค์การอนามัยโลก (WHO) และมีการตรวจวัดปริมาณโซเดียมไนไทรต์ในห้องปฏิบัติการอย่างเคร่งครัดก่อนส่งถึงมือผู้บริโภค โดยโซเดียมไนไทรต์มีประโยชน์และมีความจำเป็นในการช่วยตรึงสีของเนื้อไส้กรอกให้คงอยู่ตามธรรมชาติ และช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในอาหารที่สร้างสารพิษอันตรายต่อสุขภาพ
นอกจากนี้ ไส้กรอก CP ยังเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ไส้กรอกชนิดเทอร์โมฟอร์มแบบฟิล์มหลายชั้น (Multi-layer thermoforming film) เพื่อช่วยรักษาความสดใหม่ของอาหาร ป้องกันการซึมผ่านของออกซิเจน ร่วมกับกระบวนการบรรจุอัตโนมัติช่วยลดการปนเปื้อนระหว่างการบรรจุ ทำให้อายุการเก็บของผลิตภัณฑ์นานขึ้น โดยไม่ต้องใช้สารกันเสีย
การบริโภคไส้กรอกอย่างมั่นใจในความปลอดภัย ผู้บริโภคควรเลือกซื้อโดยพิจารณาจากลักษณะภายนอกของไส้กรอก ที่ไม่ควรมีสีชมพูหรือแดงเข้มจนเกินไป รสชาติเป็นไปตามธรรมชาติของประเภทเนื้อสัตว์และส่วนผสมนั้นๆ รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ต้องปิดสนิท มีฉลากระบุ วันผลิต วันหมดอายุ และสถานที่ผลิตอย่างชัดเจน มีเลขสารบบอาหารและมีเครื่องหมาย อย.
ที่มา ซีพีเอฟ