วันที่ 21 มีนาคมของทุกปี ตรงกับวันป่าไม้โลก CPF สานต่อโครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และปลูกป่าต้นน้ำและป่าชายเลนเข้าสู่ระยะที่ 2 ร่วมปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ เดินหน้าสร้างความมั่นคงทางอาหาร บนพื้นฐานของการร่วมดูแลทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เผยผลสำเร็จของโครงการฟื้นฟูป่า ส่งผลเชิงบวกครอบคลุมมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สร้างงาน สร้างอาชีพ ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชุมชน
คุณวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร CPF เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารควบคู่กับการมีส่วนร่วมดูแลทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ โดยได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า ทั้งป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน ส่งเสริมการปลูกต้นไม้ในสถานประกอบการ ซึ่งปัจจุบัน ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ประเทศไทยไปแล้ว มากกว่า 10,000 ไร่ พร้อมกันนี้ ได้ติดตามและประเมินผลทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของโครงการที่ดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับชุมชนโดยรอบ พบว่าโครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำและป่าชายเลนที่บริษัทฯ ดำเนินการ ส่งผลเชิงบวกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
CPF ติดตามและประเมินผลทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและป่าชายเลน รวมทั้งโครงการที่ต่อยอดจากการปลูกป่า ทั้งการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวิถีชุมชน และการสร้างความมั่นคงทางอาหารของชุมชน ประกอบด้วย โครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน จ.ระยอง และ จ.สมุทรสาคร และ โครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง จ.ลพบุรี อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำลุ่มน้ำป่าสัก ต่อยอดสู่โครงการเพาะพันธุ์และอนุบาลปลาน้ำจืดและโครงการปลูกผักวิถีธรรมชาติ โดยทั้ง 2 โครงการ เป็นโครงการระยะยาวที่มีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องและสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างยั่งยืน
ผลกระทบ “ด้านเศรษฐกิจ” ทำให้คนในชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของชุมชน ค่าแรงจากการจ้างงานในชุมชน เพาะกล้า ปลูกป่า รวมทั้งมีแหล่งอาหารที่มั่นคงของชุมชนเพิ่มขึ้น “ด้านสังคม” ชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า มีการรวมกลุ่มในการทำกิจกรรมและถ่ายทอดองค์ความรู้ คนในสังคมมีคุณภาพชีวิตด้านสังคมดีขึ้น “ด้านสิ่งแวดล้อม” ช่วยรักษาและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ป่าชายเลนมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นกำแพงธรรมชาติช่วยป้องกันการกัดเซาะแนวชายฝั่ง เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำตามธรรมชาติ ด้านป่าต้นน้ำ ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งในปี 2564 องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ให้การรับรองพื้นที่ปลูกป่าโซนส่งเสริมการสืบพันธุ์ตามธรรมชาติ 1,500 ไร่ โครงการ ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ 18,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์
คุณวุฒิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังกำหนดนโยบายความมุ่งมั่นด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า 100% เป็นหนึ่งในนโยบายด้านความยั่งยืนของ CPF เพื่อร่วมปกป้องและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ตามเป้าหมายกลยุทธ์ CPF 2030 Sustainability in Action ที่ยึด 3 เสาหลัก อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และ ดิน น้ำ ป่าคงอยู่ โดยเสาหลักด้าน ดิน น้ำ ป่าคงอยู่ มีเป้าหมายสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเชิงบวกตลอดห่วงโซ่คุณค่า นอกจากนี้ การรักษาและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ยังสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาติ (SDGs) ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืนของระบบนิเวศบนบก
ปัจจุบัน CPF สานต่อโครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำและป่าชายเลนเข้าสู่ระยะที่ 2 โดยมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่อนุรักษ์และฟื้นฟู พื้นที่ยุทธศาสตร์ รวม 20,000 ไร่ ผ่านโครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง เพิ่มเติมพื้นที่อนุรักษ์ ฟื้นฟู และปลูกป่าเพิ่มเติม จากที่ดำเนินการไปแล้ว 5,971 ไร่ เป็น 6,971 ไร่ และ โครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน จ.ระยอง 614 ไร่ มีเป้าหมายฟื้นฟูและปลูกป่าใหม่ (ระยะที่ 2 ปี 2562-2566) 54 ไร่ จ.สมุทรสาคร 604 ไร่ มีเป้าหมายฟื้นฟูและปลูกป่า (ระยะที่ 2) 266 ไร่ โดยในปีนี้ ได้ขยายพื้นที่อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน ต.ท่าพริก จ.ตราด และเตรียมขยายพื้นที่การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า จ.กำแพงเพชร อีกด้วย
Cr.PR CPF