6 ธ.ค. 2565 – เครือซีพี จัดพิธีมอบรางวัล “โครงการซี.พี.เพื่อความยั่งยืน 2022 ” เพื่อยกย่องเชิดชูผู้บริหารและพนักงานเครือซีพีทั่วโลกที่ได้ร่วมกันร้อยเรียงความดี ทำโครงการต้นแบบด้านความยั่งยืน โดยมีโครงการจากกลุ่มธุรกิจของเครือฯ ทั่วโลกได้รับรางวัลรวม 122 โครงการ โดยได้รับเกียรติจากคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี)เป็นประธานมอบรางวัล พร้อมด้วยคุณพัชรี คงตระกูลเทียน ผู้แทนคณะกรรมการอำนวยการโครงการซี.พี.เพื่อความยั่งยืน คุณบุญชัย โอภาสเอี่ยมลิขิต ประธานธุรกิจ-สหรัฐอเมริกา เครือเจริญโภคภัณฑ์ คุณประสิทธิ์ ดำรงชิตานนท์ รองประธานกรรมการ กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร ข้าว ขนส่งและบริการ คุณจิระศักดิ์ เสงี่ยมกิตติกุล ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์วิศวกรรม จำกัด และดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยผู้แทนคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการจากภายนอก ได้แก่ ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ ที่ปรึกษาศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งผู้บริหารและพนักงานเครือซีพี เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ กรุงเทพฯ
คุณพัชรี คงตระกูลเทียน กล่าวรายงานถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ว่า โครงการซี.พี. เพื่อความยั่งยืน ริเริ่มขึ้นในปี 2016 จากวิสัยทัศน์ของศุภชัย เจียรวนนท์ ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมผู้บริหารและพนักงานเครือฯ ทุกกลุ่มธุรกิจทั่วโลกสืบทอดปรัชญา 3 ประโยชน์ ผนึกกำลังทำความดีร่วมแก้ปัญหาสังคมของคนชุมชนและกลุ่มเปราะบาง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ผู้คนในทุกประเทศที่เครือฯ เข้าไปลงทุน ซี่งการมอบรางวัลในครั้งนี้เป็นการแสดงความยกย่องเชิดชู และเป็นกำลังใจพนักงานที่ตั้งใจและทุ่มเทสร้างสรรค์โครงการดี ๆ ที่ร่วมแก้ปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้คนในสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นและตั้งใจของผู้บริหารและพนักงานในเครือฯ ที่รวมพลังทำความดีพร้อมสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและสังคมตามปรัชญา “3 ประโยชน์” โดยกำหนดจัดให้มีการคัดเลือกผลงานโดดเด่นเป็นประจำทุก 2 ปี
จากนั้นเป็นพิธีมอบรางวัล โดยคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ซีอีโอเครือซีพี ให้เกียรติมอบรางวัลให้แก่ทีมงาน ทั้ง 122 โครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เดินทางมาร่วมรางวัล อาทิ พนักงานจากประเทศจีน เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า อินเดีย ฟิลิปปินส์ อเมริกา เป็นต้น โดยเริ่มจากการมอบรางวัลให้แก่โครงการที่ได้รับการคัดเลือกในปี 2020 จำนวน 59 โครงการและโครงการที่ได้รับคัดเลือกในปี 2022 จำนวน 63 โครงการ โดยมีทีมงานที่มาร่วมรับรางวัลรวมกว่า 300 คน
ภายหลังพิธีมอบรางวัล ซีอีโอเครือซีพี กล่าวแสดงความยินดี และชื่นชมผู้บริหารและพนักงานซีพีทุกคนที่ได้รับรางวัลโครงการซีพีเพื่อความยั่งยืน รวมทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ โดยกล่าวว่าทุกคนถือเป็น “อันซัง ฮีโร่” ที่เป็รต้นแบบของชาวซีพี ขอให้ทุกคนตั้งมั่นในการขับเคลื่อยเป้าหมายความยั่งยืน ในขณะเดียวกันต้องร่วมกันสร้างวัฒนธรรมที่ดีให้แก่คนรุ่นใหม่ เพราะพวกเขาคือ อนาคตสร้างการเปลี่ยนแปลงทางบวกให้แก่โลกของเราในทุกมิติ
พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าว ขอบคุณคณะกรรมการคัดเลือกโครงการทุกท่าน อาทิ ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ ที่ปรึกษาศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี ม.มหิดล ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ และคุณบุญลาภ ภูสุวรรณ ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวไทยพับลิก้า และคณะกรรมการจากภายในเครือฯ และทีมงานของเครือฯ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการนี้ และมีผลงานที่โดดเด่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าในปีต่อ ๆ ไปจะมีจำนวนผลงานดี ๆ ที่ช่วยเหลือสังคมเพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ซีอีโอเครือ ยังได้กล่าวว่า ภาคธุรกิจต้องให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน โดยต้องทำให้เป็นเนื้อเดียวกันเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยต้องมองทั้งภาพรวม คือ มองต้นทุนด้านสังคมที่เป็นความท้าทายและปัญหา เพื่อหาแนวทางรับมือและแก้ไข นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึง 6 ความท้ายทายที่โลกจะต้องเผชิญในปี 2023-2035 ประกอบด้วย 1.ความเหลื่อมล้ำ 2.การเปลี่ยนสู่ดิจิทัลและพลังงาน 3.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4.ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง 5.โลก 2 ขั้วอำนาจ และ6.การเผชิญในเรื่องสุขภาพและโรคระบาดใหม่ที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อโลก ทั้งนี้ การทำธุรกิจเพื่อให้เกิดความยั่งยืนจะต้องปรับแผนองค์กรให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โดยเครือฯ วางเป้าหมายยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนสู่ปี 2030 รวม 15 เป้าหมาย ภายใต้ 3 เสาหลักคือ Heart – Health – Home เป็นผลให้ในปีที่ผ่านมา เครือซีพีได้รับคัดเลือกติดอันดับ1 ใน 38 ผู้นำองค์กรยั่งยืนระดับโลก UN Global Compact (UNGC) ระดับ LEAD
คุณศุภชัย ยังได้ยกตัวอย่าง 3 เป้าหมายท้าทายที่เครือฯ ต้องทำสำเร็จภายในในปี 2030 คือ เป้าหมายการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่มีแนวโน้มของความรุนแรงสูงขึ้นถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ผู้บริหารและพนักงานในกลุ่มธุรกิจของเครือฯ ทั่วโลกต้องวางแนวทางและร่วมปฏิบัติติในการแก้วิกฤตโลกร้อน เครือฯ ได้ประกาศเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ หรือ Carbon Neutral ภายในปี 2030 โดยมีแผนลดก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas:GHG) ตลอดห่วงโซ่อุปทานลงทุกปี ปัจจุบันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้แล้ว 6.56 ล้านตันใน scope 1 และ scope2 ซึ่งเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ขณะเดียวกันก็เริ่มดำเนินการใน scope 3 ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากคู่ค้าในการหาสินค้าคาร์บอนต่ำ และการร่วมมือกับคนในชุมชน
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเป้าหมายที่ใหญ่และท้าทายอย่างมาก แต่เครือฯ ก็ไม่ละความพยายามโดยได้เดินหน้าขับเคลื่อนเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก 25% ในปี 2030 ขณะเดียวกันให้ความสำคัญด้านความมั่นคงอาหาร นับเป็นโจทย์ท้าทายของโลกที่กระทบทั้งระบบห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจ ซึ่งถือเป็นโอกาสของไทยในการผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ
นอกจากนี้ เครือฯ ยังมีเป้าหมายรและให้ความสำคัญเรื่องลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา เพราะการศึกษามีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ต้องร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ให้เด็กรุ่นใหม่ และนำศักยภาพเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่โลกใบนี้ โดยคุณศุภชัย ได้กล่าวถึง Education Reform ที่ต้องให้ความสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ ผ่านกระบวนการ Action Learning โดยนำความรู้ทั้ง 3 มิติด้านความยั่งยืน ให้อยู่ในกระบวนคิด และการเรียนรู้ตั้งแต่ต้น โดยครูเปลี่ยนต้องบทบาทจากผู้สอนเป็น Facilitator อีกทั้งเครือฯ ยังมีเป้าหมายการปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยได้ยกกรณีสบขุ่นโมเดล จ.น่านในการช่วยฟื้นฟูและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพได้มากขึ้น
ในช่วงท้ายของการบรรยาย คุณศุภชัยยังได้ให้แง่คิดในการใช้ชีวิต โดยกล่าวว่า “ในชีวิตคนเรามักให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชีวิตและความฝันของเราเสมอ แต่เรามักจะลืมไปว่า สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตที่ทำให้เกิดความมั่นคง และพลังที่จะช่วยทำความฝันอันยิ่งใหญ่ของเราให้สำเร็จได้จริง คือ รักแท้ (ความเห็นอกเห็นใจ) รักแท้ทำให้เราเห็นและยอมรับในความแตกต่าง เชื่อมเราเข้ากับความเป็นจริงและทุกสิ่งทุกอย่างได้ ซึ่งรวมไปถึงตัวตนที่แท้จริงของเรา และช่วยให้เราสนุกไปกับชีวิตที่แสนงดงามนี้ไปด้วยกัน คุณศุภชัย กล่าวปิดท้าย