5 พฤศจิกายน 2566 – เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (The Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) ประเทศญี่ปุ่น องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization: JETRO Bangkok) และกลุ่มทรู จัดงาน Rock Thailand ครั้งที่ 5 เปิดโอกาสให้นักธุรกิจสตาร์ทอัพระดับแถวหน้าจากญี่ปุ่นได้มานำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีและแผนธุรกิจต่อบริษัทชั้นนำและพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทย (CVCs / VCs / Corporate Innovations) ภายใต้แนวคิด “Empowering Growth in Asean” มีเป้าหมายเพื่อสร้างความร่วมมือแบบ co-creation ส่งเสริมเศรษฐกิจใหม่ระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย พร้อมทั้งร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งมิตรภาพอาเซียน-ญี่ปุ่น โดยในปีนี้มีสตาร์ทอัพ 10 บริษัทมานำเสนอแผนธุรกิจเน้นไปที่กรีนเทคโนโลยีและดิจิทัล ด้านไบโอเทคโนโลยี และนวัตกรรมลดคาร์บอนต่อบริษัทร่วมทุนเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ภายในงานได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายนิชิมูระ ยาสึโตชิ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยนายนาชิดะ คาซูยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายคุโรดะ จุนอิชิโร ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมทั้งผู้บริหารเครือซีพีและบริษัทในเครือฯ รวมไปถึงผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำของไทยและพันธมิตรทางธุรกิจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เป็นต้น ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กรุงเทพฯ
ฯพณฯ นายนิชิมูระ ยาสึโตชิ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สำคัญกับประเทศญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานและแข็งแกร่ง ซึ่งงาน Rock Thailand ถือเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในการสร้างเศรษฐกิจระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยผ่านความร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการนำเทคสตาร์ทอัพของญี่ปุ่นมานำเสนอแผนธุรกิจและนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อบริษัทชั้นนำของไทย โดยจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2562 และในปีนี้ถือเป็นการจัดงานต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทสตาร์ทอัพจากญี่ปุ่น เช่น Umitron, Liberaware และ Neural Group ได้เข้ามาร่วมทำงานกับบริษัทในเครือซีพีเพื่อนำเทคโนโลยีมาวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากดาวเทียม โดรน และเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในสถานที่ต่างๆในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ปศุสัตว์ และการขนส่ง และยังมี Sagri สตาร์ทอัพในการทำเทคโนโลยีมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในภาคเกษตรกรรมที่กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทในเครือซีพี นอกจากนี้ยังมีสตาร์ทอัพที่ได้รับโอกาสจากงาน Rock Thailand ที่ผ่านมาอย่าง Regional Fish และ Zero Board ได้เข้ามาเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำในไทย และการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เทคสตาร์ทอัพ 10 บริษัทได้มาร่วมนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านดิจิทัล AI ไบโอเทคโนโลยีและนวัตกรรมลดคาร์บอนแก่บริษัทชั้นนำของไทย ซึ่งทางเมติพร้อมร่วมมือสนับสนุนอย่างเต็มที่ และได้มีการส่งเสริมการขยายธุรกิจในต่างประเทศของสตาร์ทอัพญี่ปุ่นผ่านมาตรการต่างๆ เช่น สนับสนุนงบประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาทในการวิจัยและพัฒนา Deep Tech รวมทั้งทุ่มงบอีก 5 พันล้านบาทเพื่อรองรับการขยายการลงทุนในต่างประเทศโดยความร่วมมือกับบริษัทร่วมลงทุน (Venture Capital – VC)
“ผมเชื่อมั่นว่าหากภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นและไทยร่วมมือกันผ่านช่องทางต่างๆ เราจะสามารถร่วมสร้างเทคโนโลยีนวัตกรรมที่มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความท้าทายทางสังคม ไม่เพียงแค่แก้ปัญหาในระดับอาเซียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระดับโลกด้วย เราจะพยายามอย่างเต็มที่และพร้อมสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทุกประเทศแถบภูมิภาคอาเซียนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างยั่งยืน” รัฐมนตรีกระทรวงเมติ กล่าว
ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า การจัดงาน Rock Thailand เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญทางธุรกิจด้านเทคสตาร์ทอัพระหว่างญี่ปุ่นและไทยจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่จะทำให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างเท่าทัน เพราะตอนนี้โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน การทำธุรกิจให้เติบโตจะต้องคิดไปพร้อมกับความยั่งยืน และต้องปรับโมเดลธุรกิจไปสู่ภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจยุคใหม่ด้วยการปรับองค์กรสู่ความเป็น Tech Company และมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ New S-Curve ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเครือซีพีได้ขยายธุรกิจด้วยการเพิ่มการลงทุนด้านธุรกิจพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) พร้อมทั้งทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพในการพัฒนาเทคโนโลยีให้สอดรับกับความท้าทายในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นการส่งเสริมเทคสตาร์ทอัพในไทยและอาเซียนต้องให้ความสำคัญด้วยการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมทั้งมีการลงทุนใน Deep Techเพื่อพัฒนาธุรกิจสีเขียวในอาเซียน ซึ่งหากได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนที่เหมาะสมจะสามารถดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในสตาร์ทอัพแถบอาเซียนช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคที่แข็งแกร่งมากขึ้น
“ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างญี่ปุ่นและไทยแบบ co-creation ในงาน Rock Thailand ครั้งนี้เป็นหัวใจสำคัญในการสนับสนุนเสริมพลังสตาร์ทอัพให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผ่านการส่งเสริมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สามารถรับมือกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับสตาร์ทอัพของไทยและอาเซียนในการทำธุรกิจเพื่อสร้างโลกให้ยั่งยืนอีกด้วย” ซีอีโอเครือซีพี กล่าว
Mr. Okishio Shogo Business Development for overseas จาก Towing Inc 1 ในบริษัทสตาร์ทอัพเปิดเผยว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมนำเสนอแผนธุรกิจ Rock Thailand ครั้งที่ 5 โดยมองว่านอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับสตาร์ทอัพได้เจอกับผู้ร่วมทุนแล้วนั้น เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมด้านความยั่งยืนเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับโลกต่อไป และหวังว่าเทคโนโลยีที่ทางบริษัทคิดค้น คือ สูตรการทำปุ๋ย โดยการผสมจุลินทรีย์ ไบโอชาร์ และปุ๋ยอินทรีย์รวมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกร และนำไปสู่ carbon credit ได้นั้น จะนำไปสู่ความยั่งยืนได้
Mr.Tiago Ramalho Co-Founder & CEO จาก Recursive Inc. อีกตัวแทนจากบริษัทสตาร์ทอัพ กล่าวว่า Rock Thailand ครั้งที่ 5 คือโอกาสสำคัญที่ทั้งสตาร์ทอัพจากญี่ปุ่นและบริษัทร่วมทุนไทยจะได้ร่วมกันขับเคลื่อนความยั่งยืนของโลกด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านดิจิทัล AI แบบ Deep Tech อาทิ เทคโนโลยีของบริษัทที่มุ่งใช้ AI ในการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น โดย AI solutions ของบริษัทจะช่วยทำให้เกิด sustainability ได้โดยเฉพาะ ด้าน health care, การค้าปลีก และการเกษตร โดยใช้ Regenerative AI platform
งาน ‘Rock THAILAND’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมความร่วมมือระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและเครือเจริญโภคภัณฑ์ ภายใต้โครงการ Open Innovation Columbus (OIC) ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีสตาร์ทอัพรุ่นใหม่จากญี่ปุ่นรวม 10 บริษัทที่มานำเสนอแผนธุรกิจ (Pitching) และเทคโนโลยีนวัตกรรมสายกรีน ประกอบด้วย 1. ExtraBold Inc. สตาร์ทอัพที่เน้นเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) และกำลังวิจัยสร้าง 3D สำหรับหุ่นยนต์ รวมไปถึงริเริ่ม “Green Creative” สนับสนุนการรีไซเคิลที่เปลี่ยนจากปิโตรเลียมเป็นเรซิ่นและพลาสติกชีวภาพ 2. CADDI Co., Ltd. ผู้ที่นำโซลูชันเทคโนโลยีคลาวด์เซอร์วิสมาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการข้อมูลในอุตสาหกรรมการผลิต 3. Recursive Inc. สตาร์ทอัพที่พัฒนานวัตกรรมด้วยการนำ AI มาแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน การเพิ่มผลผลิตและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4. Quwak Inc. สตาร์ทอัพที่พัฒนาแพลตฟอร์ม Digital ID (Digital Identity) พิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความปลอดภัย และสามารถระบุและยืนยันตัวตนได้อย่างแม่นยำ 5. Spiber Ltd. สตาร์ทอัพด้านไบโอเทคโนโลยีที่ผลิตโปรตีนชีวภาพ Brewed Protein ด้วยกระบวนการหมักโดยจุลินทรีย์ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และช่วยลดการพึ่งพาปิโตรเลียมแบบดั้งเดิม 6. Thermalytica Inc. สตาร์ทอัพด้าน CleanTech เน้นเทคโนโลยีพลังงานสะอาดลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยได้รับการจดสิทธิบัตร TIISA® และนำไปใช้ในหลายธุรกิจใหม่อย่างรถยนต์ EV และอาคารประหยัดพลังงาน 7. TOWING Inc. สตาร์ทอัพสาย Agritech พัฒนานวัตกรรมสารปรับปรุงดินที่ชื่อ SORATAN ช่วยป้องกันโรคและดักจับคาร์บอน 8.Plant Life Systems Co. Ltd. พัฒนาเทคโนโลยีในการเพาะปลูกด้วยการนำแบบจำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของชีววิทยาโมเลกุลพืชมาปรับใช้หาเทคนิคการปลูกพืชในพื้นที่ๆไม่เหมาะกับการปลูกให้ทำการเกษตรได้ 9.KAICO LTD. สตาร์ทอัพที่พัฒนาและผลิตโปรตีนพิเศษจากหนอนไหมเพื่อใช้ในทางการแพทย์สำหรับการผลิตยาและวัคซีน และ 10. Bacchus Bio innovation Co.,Ltd. สตาร์ทอัพที่ส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพด้วยการใช้ไบโอเทคโนโลยีและดิจิทัลมาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและลดคาร์บอน