ประธานธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยในการเสวนาออนไลน์สุดพิเศษ “จุฬาฯ ธุรกิจพิชิต Covid-19” ในหัวข้อ “Top CEO Vision for Business Crisis” โดยคณะบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า การระบาดของโควิด ส่งผลให้ไทยได้ประโยชน์จากการออนไลน์เร็วและมากขึ้น ที่เห็นชัดคือทางด้านการศึกษา จากเดิมการสอนระบบปิดอาจมีนักศึกษาเรียนรู้งานได้ไม่มากนัก แต่การเรียนออนไลน์ สามารถกระจายความรู้ได้มากขึ้น และ สามารถทบทวนได้ทุกเวลาจากการดูคลิปสอน
ต่อมา ออนไลน์ให้ประโยชน์ต่อการทำงาน ไม่ต้องเสียเวลาจากการเดินทางเข้าออฟฟิศ ใช้เวลาทำงานได้เต็มที่ มีปริมาณงานมากขึ้น มีเวลามากพอที่จะท่องเที่ยว อยู่กับครอบครัวโดยทำงานไปด้วยในทุกพื้นที่ อีกทั้งงานออนไลน์ดังกล่าวยังสามารถประเมินผลได้ด้วย
อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคนี้ระบาดไปทั่วโลก ทุกประเทศได้รับผลกระทบ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะมีคนเก่ง คนอจฉริยะ คิดค้นวัคซีน ออกมาได้โดยเร็ว แต่การใช้ชีวิตทุกวันนี้ ทุกคนต้องมีส่วนช่วย หมอ และพยาบาล ด้วยการอยู่บ้าน ออกไปนอกบ้านต้องใส่หน้ากากป้องกันเพื่อไม่นำปัญหามาสมทบกับที่มีอยู่เดิม
โดยภายหลังจากที่โรคโควิดสงบลง คาดว่า ทุกคนในโลกจะเกิดการท่องเที่ยวมากขึ้น จากกระแสของโลกที่ต้องการพบปะ และพบเจอสิ่งใหม่ๆ แต่จะเป็นการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ดังนั้น ไทยในฐานะที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม มีวัฒนธรรมประเพณี ที่น่าสนใจ ประกอบกับการสาธารณสุขที่สามารถรับมือกับโควิดได้ดี จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างมหาศาล
การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการท่องเที่ยวดังกล่าว รัฐบาลต้องมีหลักประกันให้ดูแลเป็นอย่างดี สร้างความมั่นใจ จากข้อได้เปรียบปัจจุบันมีหลายโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน เป็นที่ยอมรับของคนรวยระดับเศรษฐีเข้ามาใช้บริการอยู่แล้ว ต่อจากนี้ไป โรงพยาบาลรัฐต้องผลิตบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อป้อนตลาดเหล่านี้ให้มากขึ้น กำหนดรายได้ให้สูงขึ้น หลังจากนั้นทั้งนักวิจัย การผลิตยารักษาต่างๆ จะเกิดขึ้นตามมา
การที่มีคนรวยเข้ามาในประเทศไทย และติดใจ อยู่นาน หรืออยู่ตลอดไป จะช่วยให้เกิดการลงทุนมากขึ้น อีกทั้งยังจะช่วยดึงนักลงทุนอื่นๆและคนเก่งๆตามมา
คนกลุ่มนี้จะช่วยให้เกิดการจ้างงาน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนักศึกษาจบใหม่จะตกงาน โดยส่วนตัวคิดว่าไม่เพียงพอกับความต้องการด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ สถาบันการศึกษา ต้องผลิตนิสิตที่ตรงกับความต้องการของตลาดด้วย
เมื่อเกิดการลงทุนไทยประเทศไทย สุดท้าย ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก และตามมาด้วยศูนย์กลางการท่องเที่ยว ศูนย์กลางการบริการสาธารณสุข และอื่นๆอีกจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลต้องวางแผน และเดินหน้าลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน แก้ไขกฎหมายและเงื่อนไขการลงทุนที่เป็นอุปสรรค อำนวยความสะดวกต่อนักลงทุนให้มากที่สุด ทุกกระบวนการต้องทำงานอย่างบูรณาการ จึงจะประสบผลสำเร็จ
ที่สำคัญ ภาคการเกษตร ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ จะมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมาก หากคนกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบ เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลกก็เป็นไปได้ยาก ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นด้วยกับที่รัฐบาลกู้เงินกว่า 1.9 บาทเพื่อมาช่วยเหลือเกษตรกร แต่ทั้งนี้ต้องปรับโครงสร้างภาคการเกษตรใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย สนับสนุนให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม แปรรูปเพิ่มมูลค่า เชื่อมโยงการตลาดทั้งในและต่างประเทศ จึงจะอยู่รอด
ซึ่งซีพี มีความพร้อมเข้าไปช่วยเหลือด้านการตลาด เพรามีความเชี่ยวชาญด้านนี้ และไม่เคยมีความคิดแย่งชิงทำการเกษตร มีแต่จะช่วยดูดซับสินค้าในช่วงที่มีปัญหา และนำมาต่อยอด เบื้องต้นจะยอดซื้อแพง มาขายถูกก่อน ยอมขาดทุน เมื่อเกษตรกรอยู่ได้แล้ว ซีพีจะติดและสร้างผลกำไร โดยที่เกษตรกรตองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย
ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ