อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของแบรนด์ ข้าวตราฉัตร คว้ารางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 อีกทั้งยังเป็นโรงงานผลิตข้าวสารบรรจุถุงรายเดียวที่ได้รับรางวัลฯ นี้
รางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด สำคัญอย่างไร?
คุณสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (รับผิดชอบธุรกิจข้าวและอาหาร) เครือเจริญโภคภัณฑ์ อธิบายถึงรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ที่นอกจากเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจและความต่อเนื่องในการรักษาและไม่หยุดพัฒนาคุณภาพสินค้าตลอดจนการทำธุรกิจแล้ว ยังถือเป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของทั้ง 3 ฝ่าย
เริ่มที่ต้นน้ำอย่าง เกษตรกรพันธมิตรที่ปลูกข้าว ก็รู้สึกภูมิใจว่าข้าวที่ตนเองปลูกได้การรับรองว่าเป็นข้าวที่ดี มีคุณภาพจนได้รับรางวัลที่เป็นมาตรฐานระดับประเทศ
ในส่วนผู้ผลิตอย่างข้าวตราฉัตรเอง พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ยังภาคภูมิใจในผลงานที่ร่วมกันสร้างที่สามารถรักษามาตรฐาน และพัฒนาการผลิตให้ได้ข้าวปลอดภัยตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอน รวมถึงโครงการส่งเสริมการปลูกข้าว เพื่อพัฒนาเกษตรกรสมาชิกแบบ Smart Farmer ที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาขีดความสามารถในการเพาะปลูกข้าวให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ
และฝ่ายสุดท้ายที่สำคัญที่สุดก็คือ ลูกค้า ที่ทำให้ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ส่งออกมั่นใจได้ว่าจะได้รับประทานข้าวที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานรองรับ
หลักเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาสินค้าและแบรนด์ที่จะได้รับรางวัลนั้น ผู้ที่ได้รับรางวัลจะต้องเป็นผู้ผลิตสินค้าคุณภาพสำหรับส่งออกและจำหน่ายภายในประเทศ โดยในระยะเวลา 5 ปีจะต้องรักษาคุณภาพได้ดีมาโดยตลอด ไม่เคยถูกลงโทษในเรื่องของการผลิต การขาย รวมถึงการโฆษณา รวมถึงยังต้องเป็นแบรนด์ที่มีแนวทางในการรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การให้ความรู้ที่ถูกต้องกับผู้บริโภค เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และแนวทางในการส่งเสริมคู่ค้า ผู้ผลิต และสังคมมาอย่างต่อเนื่อง
ก้าวต่อไปของข้าวตราฉัตร
ถึงแม้ในปีนี้ทุกภาคส่วนธุรกิจต่างต้องบอบช้ำจากวิกฤตใหญ่ของคนทั้งโลกอย่างโควิด-19 และในมุมของข้าวตราฉัตรมองว่านี่ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่ทำให้ทั้งองค์กรและการวางภาพธุรกิจต้องมีการทรานส์ฟอร์มเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
“โควิดทำให้เราได้ทบทวนหลายเรื่อง โดยเฉพาะเราเป็นผู้ผลิตอาหารความปลอดภัยจึงต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในส่วนของโรงงานและพนักงานที่ออฟฟิศ มีการแบ่งกะการทำงานเป็น 3-4 ชุด เพื่อลดความเสี่ยง พนักงานที่ทำงานที่บ้านได้ก็ Work From Home มีการจัดออฟฟิศใหม่เพื่อให้มี Free Space ทำงานจุดไหนก็ได้ รวมถึงเรื่องเวลาการทำงานที่ไม่ได้ฟิกเวลาเข้าออกแต่วัดที่ผลงาน เพื่อลดความหนาแน่นทั้งตอนเดินทางและพนักงานที่อยู่ในออฟฟิศ”
ในส่วนของเป้าหมายทางธุรกิจในมุมมอง คุณสุเมธความเร็วและการพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นสำคัญที่สุด
“แผนธุรกิจต่อไปเรียกได้ว่าเป็นแผนแบบเรียลไทม์ จะสั้นลงเพราะสิ่งที่เราคิดไว้อาจไม่ได้เป็นไปตามนั้นก็ได้ ทุกอย่างต้องยืดหยุ่น Flexible พร้อมปรับเปลี่ยนได้ตลอด ทั้งลูกค้าในประเทศ ส่งออก และกลยุทธ์ส่งเสริมช่วยเหลือร้านอาหารที่เป็นพันธมิตรธุรกิจของเรา”
“อย่างช่วงโควิดที่ผ่านมาเราเริ่มทำแคมเปญที่ชื่อว่า Social DISHtancing–ห่างกัน แต่ไม่ห่างความอร่อยสนับสนุนร้านอาหารรายย่อยให้มีช่องทางการขายออนไลน์เสริมระหว่างที่ลูกค้ามานั่งรับประทานที่ร้านไม่ได้ ทำโปรโมชั่นเสริมรวมถึงลดราคาต้นทุนข้าวสารลงเพื่อช่วยเหลือเรื่องต้นทุน”
ส่วนในฝั่งของเกษตรกร ทางข้าวตราฉัตรมองถึงเรื่องของสมาร์ทฟาร์มเมอร์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น ต้องสนับสนุนให้เกษตรกรสะดวกขึ้นด้วยเครื่องยนต์กลไก เทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมกับการส่งเสริมให้เกิดเกษตรกรที่เป็น Young Smart Farmer เพิ่มขึ้น
ควบคู่ไปกับการพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้นใช้พื้นที่การปลูกน้อยลง ทนโรค ได้ข้าวคุณภาพมากขึ้น รวมถึงตอบโจทย์ความต้องการ ตัวอย่างเช่น ข้าว กข43 ตราฉัตรไลท์ดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวปกติถูกใจสายรักสุขภาพและเพิ่มมูลค่าได้ รวมถึงในอนาคตยังจะพัฒนาสินค้าที่เป็นอินโนเวชั่นโปรดักส์อีกด้วย
เพราะ ธุรกิจที่ยั่งยืน คือธุรกิจที่รักษามาตรฐานได้ดีอย่างต่อเนื่อง รางวัลที่ข้าวตราฉัตรคว้ามาได้ถึง 2 ปีซ้อนจึงเป็นเหมือนเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเท และไม่หยุดที่จะพัฒนารักษาคุณภาพของแบรนด์ที่เคยทำไว้
ท้ายที่สุดคุณสุเมธยังมองไปถึงการสร้างแบรนด์ให้กับประเทศไทยในระดับโลก ด้วยแต้มต่อทางภาพลักษณ์เป็นครัวโลก ที่ไม่ใช่แค่มีเพียงวัตถุดิบชั้นดี แต่ยังสามารถถ่ายทอดวัฒนธรรมอาหารการกินที่เป็นเอกลักษณ์จนต่างชาติยอมรับ รวมถึงในส่วนของข้าวสารโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิเองก็เชื่อมั่นว่าเกษตรกรไทยสามารถผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพดีได้ไม่แพ้ชาติไหนในโลกเช่นกัน
และเราก็เชื่อเหลือเกินว่า ข้าวหอมมะลิทุกเม็ดที่ Made in Thailand คือความภาคภูมิใจของเราทุกคนเช่นกัน…
ที่มา:Marketeer