อินโดนีเซียเปิดตัววีซ่าสำหรับชาว Digital Nomad หรือวีซ่าสำหรับชาวดิจิทัลที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ในโลก ขอแค่ให้พวกเขาเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ก็พอ พร้อมดึง “เกาะบาหลี” ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม อากาศอบอุ่น และชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ มาเป็นจุดขาย ที่สำคัญ วีซ่าดังกล่าวนี้มีอายุถึง 5 ปีเลยทีเดียว
เรียกว่าดึงดูดใจคนในวงการเทคโนโลยีกันสุด ๆ เลยก็ว่าได้ สำหรับประเทศยักษ์ใหญ่ที่ตอนนี้กำลังเนื้อหอมในสายตาชาวโลกอย่างอินโดนีเซีย กับการเปิดตัว Digital Nomad Visa เพื่อให้กลุ่มคนที่ได้ชื่อว่าเป็น Digital Nomad และเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงในปัจจุบันย้ายถิ่นฐานเข้ามาในอินโดนีเซียมากขึ้น
ที่สำคัญ คนที่ย้ายเข้ามาด้วยวีซ่าดังกล่าวยังไม่ต้องเสียภาษีให้กับอินโดนีเซียด้วย ตราบใดที่รายได้ของพวกเขามาจากนอกประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งคนอินโดนีเซียไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเปรียบแต่อย่างใด เพราะอย่างน้อย ชาว Digital Nomad ก็ต้องจับจ่ายใช้สอยในอินโดนีเซียอยู่ดี
อีกหนึ่งความพิเศษของวีซ่าเพื่อชาว Digital Nomad ของอินโดนีเซียก็คือระยะเวลา เพราะนานที่สุดเท่าที่มีประเทศใด ๆ ในโลกออกวีซ่าให้ (ค่าเฉลี่ยของวีซ่าสำหรับ Digital Nomad ทั่วไปอยู่ที่ 1 – 2 ปีเท่านั้น) ทำให้ชาว Digital Nomad ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องต่อวีซ่ากันบ่อย ๆ เหมือนในอดีต
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่า การเปิดตัววีซ่าดังกล่าว เป็นการรีแบรนด์ตัวเองของประเทศอินโดนีเซีย สู่การเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยชูเรื่องวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ ภูมิอากาศที่อบอุ่น และเต็มไปด้วยทะเล ชายหาด และแสงแดด ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเดินทางทั่วโลกใฝ่ฝันว่าจะมาสัมผัสในสักวันหนึ่ง
การเปิดตัววีซ่าดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากผลสำรวจความคิดเห็นของชาว Digital Nomads ที่ 95% ระบุว่า เกาะบาหลี อินโดนีเซีย คือสถานที่อันดับต้น ๆ ที่พวกเขาอยากมานั่งทำงาน – ใช้ชีวิต
รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย Sandiaga Uno เผยด้วยว่า อินโดนีเซียคาดว่าวีซ่าดังกล่าวจะดึงดูดนักเดินทางต่างชาติเข้าประเทศได้ถึง 3.6 ล้านคน และสามารถสร้างงานให้กับชาวอินโดนีเซียได้นับล้านตำแหน่ง โดยตอนนี้ ทางประเทศมีการปรับปรุงกระบวนการเดินทางเข้าเมืองให้ง่ายขึ้น และสนับสนุนให้มีสายการบินบินมายังอินโดนีเซียมากขึ้นด้วย
ที่มา brandbuffet