ภาพโดย Gerd Altmann จาก Pixabay
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปี 65 จะขยายตัวได้ 3% โดยมีภาคส่งออกเป็นพระเอกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลังจากที่การส่งออกของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 64 จนถึงล่าสุดไตรมาส 1/65 ที่การส่งออกขยายตัวสูงถึง 15%
ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้หารือกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ถึงทิศทางและแนวโน้มการส่งออกของไทยหลังจากนี้ เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาสงครามการค้า และปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่อาจเข้ามากระทบ ซึ่งภาครัฐได้เตรียมเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนให้ยังสามารถเดินหน้าทำการค้าและการส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง
“มอบหมายให้ EXIM BANK (ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย) เตรียมสภาพคล่องให้เพียงพอ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคการส่งออกทุกกลุ่ม รวมถึงสนับสนุนการเติมความรู้ในการดำเนินธุรกิจในโลกยุคดิจิทัล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ” รมว.คลัง กล่าว
พร้อมระบุว่า ทิศทางดอกเบี้ยในตลาดโลกที่เป็นขาขึ้นในช่วงนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการให้เพิ่มขึ้น โดยได้ขอให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ให้นานที่สุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ
สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น เป็นเรื่องของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งที่ผ่านมา กนง. ได้พูดชัดเจนว่าการพิจารณาว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงการฟื้นตัว ดังนั้น กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ ต้องรักษาไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศจนเกินไป และไม่สร้างต้นทุนให้ผู้ประกอบการ จนส่งผลกระทบต่อการผลิตและเศรษฐกิจของประเทศ
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์