นับแต่วันนี้เป็นต้นไปถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายและความสำคัญอย่างยิ่งยวดของประชาชนคนไทยรวมทั้งพี่น้องชาวซีพีที่ได้ประกาศพร้อมที่จะสู้รบปรบมือกับกองทัพพลาสติกในวันที่1 มค.2563 ผมถือว่าเป็นสงครามครั้งใหญ่ของคนไทยที่ไม่เคยมีมาก่อน และท้าทายว่าคนไทยจะชนะสงครามครั้งนี้หรือไม่
เพราะนับตั้งแต่ที่คนไทยหันมาใช้ถุงพลาสติกกันเพื่อความสะดวกสบาย คนไทยรวมทั้งพี่น้องซีพีก็ต้องพึ่งพาเจ้าถุงพลาสติกกันมานมนานจนเป็นวิถีชีวิต จนกระทั่งเมื่อบรรดาถุงพลาสติก บรรจุภัณฑ์พลาสติกกลับกลายมาเป็นพิษ ทำร้ายชีวิตของผู้คนและสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยพวกเราก็หันกลับมาเปลี่ยนใจที่จะต่อสู้กับภัยพลาสติก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากและท้าทาย เราจะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนได้มากน้อยแค่ไหน ความตระหนักรู้และจิตสำนึกของคนเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องอาศัยการทำความเข้าใจและร่วมมมือกันอย่างมาเคยมีมาก่อน
ผมมีตัวเลขน่าสนใจจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระบุว่า ปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วในประเทศไทยมีมากถึง 45,000 ล้านใบต่อปี แบ่งที่มาของถุงพลาสติกหูหิ้วได้จาก 3 แห่งด้วยกันคือ ร้อยละ 40 มาจากตลาดสดเทศบาล เอกชน และแผงลอย จำนวน 18,000 ล้านใบต่อปี ร้อยละ 30 มาจากร้านขายของชำ จำนวน 13,500 ล้านใบต่อปี และอีกร้อยละ 30 มาจากห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ จำนวน 13,500 ล้านใบต่อปี โดยพื้นที่กรุงเทพฯ มีการใช้ถุงพลาสติกเฉลี่ยคนละ 8 ใบต่อวัน ทำให้มีขยะพลาสติกมากถึง 80 ล้านใบต่อวัน
หากจะลดการใช้ถุงพลาสติกและรักษาสิ่งแวดล้อม สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ที่มีสมาชิกห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และภาคีเครือข่ายสมาคมผู้ค้าปลีกไทยกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ จะต้องทำตามข้อตกลงความร่วมมืองดให้บริการถุงพลาสติกทุกวันที่ 4 ของเดือน
มีข้อมูลว่าตลอดปี 2562 แต่ละค้าปลีกทยอยลดให้ถุงพลาสติกต่อเนื่อง ตั้งแต่ 4 ธันวาคม 2561 ถึง 31 สิงหาคม 2562 พบว่า ผู้ค้าปลีกไทยกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ ได้รณรงค์งดให้ถุงพลาสติก ผ่านกิจกรรมหลากหลายวิธี ตั้งแต่ไม่รับถุงพลาสติกได้คะแนนสะสมมูลค่า 1-3 บาท บริจาคเป็นเงินเข้าองค์กรการกุศลต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วแล้วกว่า 2,000 ล้านใบ หรือประมาณ 5,755 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.6 โดยปี 2563 ยังนำแคมเปญ “งดให้ งดรับ” ถุงพลาสติกหูหิ้วทุกวันมาใช้อย่างจริงจังซึ่งรวมถึงร้านเซเว่นฯของซีพีออลล์
สมาคมผู้ค้าปลีกคาดว่าจะสามารถลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วได้มากถึง 9,000 ล้านใบต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของขยะถุงพลาสติกทั้งหมด พร้อมสนับสนุน แคมเปญ “Everyday Say No to Plastic Bags” งดให้ถุงพลาสติกหูหิ้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ซึ่งมีค้าปลีกเข้าร่วมโครงการกว่า 75 ร้านค้า ที่มีช่องทางจำหน่ายกว่า 24,500 ช่องทาง ยืนยันงดให้ถุงพลาสติกหูหิ้ว ซึ่งคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายและสามารถสร้างพฤติกรรมและทัศนคติต่อผู้บริโภคในการร่วม ลด ละ เลิก ขยะพลาสติก ได้เร็วกว่าโรดแมปที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดว่าถุงพลาสติกจะหมดไปปี2571
จากตัวเลขและเป้าหมายการประกาศสงครามกับพลาสติกจึงเป็นเรื่องไม่เพียงผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งหลายจะต้องเป็นคนนำจริงๆจังๆ พวกเราชาวซีพีก็มีส่วนต่อความสำเร็จครั้งนี้ โดยทางหนึ่งในมุมของผู้บริโภคเราต้องช่วยกันงดรับ งดใช้ ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกัน ฝึกนิสัยมาใช้ถุงผ้า น่าจะเป็นจุดเริ่มต้น ขณะเดียวกันในฐานะที่เราเป็นผู้ประกอบการก็ต้องจริงจังกับมาตรการร่วมของภาคเอกชนด้วยกัน ซึ่งผมเชื่อว่ากิจการเครือซีพีเอาจริงเอาจัง
ผมเชื่อว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้าจะต้องเกิดปฏิกิริยามากมายถึงความไม่สะดวก ความไม่สบาย ความวุ่นวายในการปรับตัวเพื่อใช้ชีวิต จะด้วยภาคบังคับ ภาคสมัครใจแต่ก็ ผมเชื่อว่าถ้าเราผ่านไปได้ โลกนี้ปลอดภัยแน่
สงครามเพิ่งเริ่ม ยังไม่รู้จะจบลงได้ตามเป้าหมายกันไหม แต่คนซีพี 3แสนคนต้องเป็นแบบอย่างของคนในภาคเอกชนที่ต้องร่วมมือกัน ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับคนไทยเพื่อให้ชนะสงครามครั้งนี้ เพราะสิ่งที่จะตามมาคือความปลอดภัยในชีวิต ความปลอดภัยของระบบนิเวศน์ที่พวกเราอาศัย ชุมชน สังคม ประเทศและโลกใบนี้จะลดความเสียหายจากภัยพลาสติก โลมา วาฬ สัตว์นำ เก้งกวาง สัตว์บก เต่า สัตว์เลี้อยคลาน นก สัตว์ปีก จะได้รับข่าวดีจากความร่วมมือของคนซีพี พี่น้องคนไทย
มาช่วยกันนะครับชาวซีพี ฝึกฝืน ฝึกจิตใจ ฝึกใช้ชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพาพลาสติก เพื่อตัวเรา ลูกหลานเรา ชุมชนเรา สังคมเรา ประเทศเรา โลกของเราทุกคนยั่งยืน